29/12/58

Iterable ในภาษา Java

Iterable ในภาษา Java

ในบทความนี้เรามารู้จักกับ Java Collections - Iterable กันดีกว่า

Iterable คืออะไร

- Iterable ในภาษา Java เป็นหนึ่งใน interface (java.lang.Iterable) ของ Java collection classes
- Collection interface จะทำการ extends Iterable ดังนั้นทุก ๆ subtypes ของ Collection จึง implement Iterable interface

ถ้าเรามาดู collection class จะเห็นว่าได้ทำการ extends Iterable ตามรูปด้านล่าง


class ที่ได้ทำการ implements Iterable จะสามารถใช้ for-loop ตามรูปแบบตัวอย่างด้านล่าง


List list = new ArrayList();

for(Object o : list){
 //do something o;
}

ถ้าเราเข้าไปดูใน Iterable class จะเห็นว่ามีจุดสำคัญคือ public abstract Iterator iterator();

Iterator คืออะไร

ถ้าแปลตรง ๆ ตัว Iterator ก็คือ ตัววนซ้ำ เอาไว้ช่วยสำหรับการ iteration ซึ่งก็คือการวนซ้ำสมาชิกแต่ละตัวใน Object หนึ่ง

สรุปง่าย ๆ
Iterable ก็คือ interface ในภาษา Java ที่ภายในจะมี iterator method สำหรับการวนซ้ำของสมาชิกแต่ละตัวใน Object

การแบ่งหมวดหมู่ใน Blogger โดยใช้ป้ายกำกับ Labels

การแบ่งหมวดหมู่ใน Blogger โดยใช้ป้ายกำกับ Labels

บทความนี้เรามาแนะนำวิธีการแบ่งหมวดหมู่บทความใน Blogger กันครับ ซึ่งในการแบ่งหมวดหมู่นี้จะใช้ป้ายกำกับ หรือ Labels ในการแบ่ง ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้วิธีแบ่ง เราจะมาดูกันครับ

เริ่มแรกเราก็เขียนบทความไป จากนั้นให้มองที่ข้าง ๆ จะเห็นคำว่า Labels หรือป้ายกำกับ ให้เราคลิก จะเกิดเป็นช่องกรอกขึนมา เราสามารถใส่ป้ายกำกับกี่ป้ายก็ได้ แต่ละป้ายจะกั้นด้วยเครื่องหมายจุลภาค(,) ตามตัวอย่างด้านล่าง


จากรูปจะเห็นว่าเราได้ใส่ Microsoft-Excel ให้เป็นหมวดหมู่หนึ่ง เมื่อต้องการใส่หมวดหมู่อื่นก็ให้คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค(,) จากรูปจะเห็นคำด้านล่างมากมาย เป็นหมวดหมู่เดิมที่มีอยู่แล้ว เมื่อเลือกได้แล้วก็ให้ทำการกดเสร็จสิ้น

เมื่อได้แล้ว ถ้าเราทำการเผยแพร่บทความจะปรากฎหมวดหมู่ขึ้นอยู่ด้านล่างของบทความ ตามรูปด้านล่าง


จากรูปจะเห็นว่ามีหมวดหมู่เกิดขึ้นละ ต่อไปถ้าเราต้องการที่จะแสดงหมวดหมู่ ในเมนูเพื่อให้สามารถเข้าถึงหมดหมู่ได้ง่าย

ไปที่เมนู รูปแบบ ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นทางด้านขวา ให้เลือกตำแหน่งแล้วก็ทำการเพิ่ม Gadget เมื่อกดขึ้นมาให้เราเลือกที่ป้ายกำกับ ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นก็ทำการปรับแต่งและใส่ตัวเลือกตามต้องการ เมื่อได้แล้วก็ให้ทำการกดบันทึก เพียงแค่นี้เราก็จะได้หมวดหมู่ของ blogger แล้ว

28/12/58

การเปลี่ยน Version ของ PHP ใน Bluehost

การเปลี่ยน Version ของ PHP ใน Bluehost

บทความนี้เรามาดูวิธีการเปลี่ยน Version ของ PHP ใน Bluehost กันครับ ซึ่งใครใช้ Bluehost อยู่อาจจะอยากเปลี่ยน Version ของ PHP ที่ต้องการ เรามาดูกันดีกว่าว่าเปลี่ยนยังไง

เริ่มด้วยเข้าสู่ระบบก่อน จากนั้นไปที่แถบ hosting แล้วไปที่ cpanel ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นให้มองในส่วนของ programming จะมีส่วนของ PHP Config อยู่ ให้กดเข้าไป ดังรูปด้านล่าง


เมื่อกดเข้าไปจะพบกับหน้าต่าง Bluehost PHP Configuration ตามรูปด้านล่าง


ให้ทำการเลือก Version ที่ต้องการ จากนั้นก็กด Save เพียงแค่นี้เราก็ได้ PHP version ที่เราต้องการแล้ว

หมายเหตุ*** อย่าลืมคำเตือน
If you are not familiar with these options, do NOT change them.
This can cause all PHP scripts on your site to stop functioning if misconfigured.

Vindictus Status ของตัวละคร

Vindictus Status ของตัวละคร


STR : เพิ่มพลังโจมตี Attack
AGI : เพิ่มค่าการฟื้นฟู Stamina (ค่าความเหนื่อย)
INT : เพิ่มพลังโจมตีเวทย์มนต์ Magic Attack
WIL : เพิ่มการโจมตีแบบคริติคอล
LUK : โชคในการดรอปไอเทม

ATT SPD : ความเร็วในการโจมตี (ขึ้นอยู่กับระดับของอาวุธ)
Critical : อัตตราการคริติคอลของผู้เล่น
Crit Resist : อัตตราการป้องกันคริติคอลของผู้เล่น
MAX HP : HP สูงสุดของตัวละคร
MAX STA : Stamina สูงสุดของตัวละคร (ค่าความเหนื่อย)
ATT : พลังโจมตีทั้งหมดของตัวละคร
M.ATT : พลังโจมตีแบบเวทย์มนต์ทั้งหมดของตัวละคร
DEF : พลังป้องกันทั้งหมดของตัวละคร

14/12/58

การ copy sequence diagram ในโปรแกรม Visual Paradigm

การ copy sequence diagram ในโปรแกรม Visual Paradigm

บทความนี้เรามาดูวิธีการ copy sequence diagram ในโปรแกรม Visual Paradigm กันครับ เป็นการก็อปปี้จากโปรเจ็คหนึ่งไปอีกโปรเจ็คหนึ่ง ซึ่งการ copy แบบธรรมดานั้นโดยกด Ctrl + C ใช้ไม่ได้ผล เรามาดูวิธีต่อไปนี้กันดูครับ โดยการ copy นั้นเราจะทำการ Export แล้วก็ทำการ Import

ตัวอย่าง Sequence Diagram ที่เรามีดังรูปด้านล่าง


ให้เราทำการ Export เป็น XML โดยไปที่ File เลือก Export แล้วก็เลือก XML ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นจะปรากฎหน้าต่าง Export to XML ขึ้นมา ดังรูปด้านล่าง


ในหน้าต่างให้เราทำการเลือก Sequence Diagram ที่เราต้องการจะ Export จากนั้นก็กด Export

เมื่อได้แล้ว ให้เราเปิด Project ที่ต้องการจะนำไปใช้ แล้วทำการ Import XML เข้ามาโดยเข้าไปที่ File แล้วเลือก Import เลือก XML ตามรูปด้านล่าง


เมื่อเลือกแล้วจะปรากฎหน้าต่าง Import XML ขึ้นมาดังรูปด้านล่าง


จากหน้าต่างนี้ให้เราเลือกไฟล์ XML ที่ได้ Export มา เมื่อเสร็จแล้วก็กด OK

เพียงเท่านี้ เราก็ได้ Sequence Diagram ก็เข้ามาอยู่ในโปรเจ็คเราแล้ว เป็นการ copy โดยการ Export Import ลองไปใช้กันดูครับ

12/12/58

การสร้าง List ใน Excel

การสร้าง List ใน Excel

บทความนี้เรามาดูวิธีการสร้าง List ในโปรแกรม Excel กันครับ ซึ่งบางครังเราก็จำเป็นต้องสร้าง list ในหลาย ๆ กรณี เช่น ต้องการบังคับให้ใส่ข้อมูลที่กำหนดไว้ การลดปัญหาหรือความผิดพลาดเนื่องจากการกรอกข้อมูล หรือแม้แต่ต้องการความรวดเร็วก็ตาม ดังนั้นเรามาดูวิธีการสร้าง List ในโปรแกรม Excel กันดูครับ

ตัวอย่างข้อมูลที่เราจะนำมาสร้าง List แสดงได้ดังรูปด้านล่าง


เมื่อเราได้ข้อมูลแล้ว จากข้อมูลนี้เราต้องการสร้าง List แผนก ซึ่งมีข้อมูลซ้ำ ๆ กันและมีให้เลือกตามกำหนดไว้เท่านั้น

อันดับแรกก็ให้ทำการเลือกส่วนที่ต้องการจะสร้าง List ในที่นี้ผมเลือกคอลัมน์ B ไว้เพื่อให้แสดง List ทั้งคอลัมน์ โดยการเลือกให้ทำการคลุมคอลัมน์ไว้ จากนั้นให้ไปในแทบของ Data ในส่วนของ Data Tools ให้เลือก Data Validation ตามรูปด้านล่าง


เมื่อเลือกแล้วจะปรากฎ Dialog ของ Data Validation ขึ้นมา ในช่อง Allow ให้เลือกเป็น List ส่วนในช่อง Source นั้นให้เลือกข้อมูลที่จะแสดงใน List ในตัวอย่างนี้เราจะเลือกข้อมูลใน =$B$2:$B$8 ซึ่งก็คือคอลัมน์ที่ B แถวที่ 2 ไปจนถึง คอลัมน์ที่ B แถวที่ 8 ตามรูปด้านล่าง


เมื่อได้แล้วก็ทำการกด OK เราก็จะได้ผลลัพธ์ที่ทั้งคอลัมน์สามารถเลือกได้เป็น List แล้วตามรูปด้านล่าง


จากผลลัพธ์จะเห็นว่าจะแสดง List ให้เลือกขึ้นมาโดยจะมีข้อมูลที่ซ้ำกันด้วย ดังนั้นควรระวังตรงนี้ด้วย เพียงแค่นี้เราก็จะได้ List ของข้อมูลแล้ว ลองนำไปใช้ดูครับ

11/12/58

การลบข้อมูลที่ซ้ำกัน (Remove Duplicates) ใน Excel

การลบข้อมูลที่ซ้ำกัน (Remove Duplicates) ใน Excel

เคยไหมได้ข้อมูลมาซึ่งอยู่ในรูปแบบ Excel แล้วข้อมูลนั้นเยอะแยะมาก ต้องเอามากรอง มาคัดเลือก ไหนจะมีข้อมูลซ้ำอีก ยุ่งยากกันไปใหญ่ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการลบข้อมูลที่ซ้ำกันใน Excel กันครับ วิธีการนี้ทำให้การวิเคราะห์หรือการนำข้อมูลใน Excel ไปใช้งานนั้นทำได้ง่ายขึ้น โดยการลบข้อมูลที่ซ้ำกันออก สมมติเรามีข้อมูลแล้วเราต้องการลบข้อมูลที่ซ้ำกันออก ซึ่งข้อมูลที่ซ้ำกันเราจะคัดเฉพาะ Email เท่านั้น ตัวอย่างข้อมูลตามรูปด้าล่าง


จากข้อมูลเราต้องการลบข้อมูลที่มี Email ซ้ำกันออก ให้เราคลุมข้อมูลทั้งหมดก่อน จากนั้นให้ไปที่แท็ป Data ในส่วนของ Data Tools ให้เเราเลือก Remove Duplicates ตามรูปด้านล่าง


เมื่อเลือกแล้วจะปรากฎ Dialog ที่มีชื่อว่า Remove Duplicates ขึ้นมาให้เราเลือกติ๊กถูกหน้าช่อง Email เพื่อต้องการรองข้อมูลเฉพาะ Email เท่านั้น จากนั้นคลิก OK ตามรูปด้านล่าง


เมื่อคลิกแล้วก็จะปรากฎ Dialog บอกว่ามีข้อมูลซ้ำกี่ข้อมูล แล้วเหลือข้อมูลที่อยู่กี่ข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน แล้วเราก็ได้ผลลัพธ์ออกมาดังรูปด้านล่าง


จากรูปจะเห็นว่าข้อมูลที่ซ้ำกันที่มีตัวใหญ่กับตัวเล็กโปรแกรมจะไม่สน ควรระวังตรงนี้ด้วย เพียงแค่นี้เราก็ได้ข้อมูลที่ไม่ซ้ำกันแล้ว ลองนำไปใช้ดูครับ สะดวกขึ้นเยอะเลย

windows 8 โหลด folder download ช้า แก้ไขไงดี

windows 8 โหลด folder download ช้า แก้ไขไงดี

เคยเป็นไหมเวลาต้องการจะดูข้อมูลใน folder แล้วเกิดว่าข้อมูลนั้นโหลดช้ามาก ๆ ซึ่งจะขึ้นสถานนะค่อย ๆ โหลด กว่าจะโหลดแล้วแสดงข้อมูลเสร็จก็ปาไปหลายวินาทีเลยทีเดียว ดังรูปด้านล่าง


ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

เพราะว่าใน windows 8 นั้นมีการจัดการกับ folder ที่สร้างขึ้นว่าต้องการให้ค้นหาและแสดงข้อมูลแบบไหน เช่น General, Document, Pictures, Music, Videos ซึ่งมีการกำหนดชนิดของ folder ไว้ ดังนั้นเวลาเราเปิดเข้าไปใน folder มันจึงพยายามอ่าน file แล้วแสดงตามชนิดที่เราตั้งไว้นั่นเอง จึงทำให้ช้ากว่าปกติ

วิธีแก้ไข

ส่วนวิธีแก้ไขนั้นให้เราคลิกขวาที่ folder นั้น จากนั้นให้ทำการเลือก Properties ตามรูปด้านล่าง


เมื่อได้แล้วจะปรากฎหน้าต่าง Downloads Properties ขึ้นมา ให้เราไปที่แถบ Customize ในส่วนของ What kind of folder do you want? ให้เราเลือกเป็น General Items ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นก็กด OK เพียงเท่านี้ folder ของเราก็สามารถเปิดได้อย่างรวดเร็วแล้ว ลองนำไปใช้ดูครับ

เขียน SQL ให้ Random ข้อมูลจาก database table

เขียน SQL ให้ Random ข้อมูลจาก database table

บางครั้งที่เราเขียน SQL แล้วต้องการให้มันสุ่ม หรือ Random ข้อมูลออกมา ซึ่งในการเขียนให้มัน random ข้อมูลออกมานั้น ก็ขึ้นอยู่กับ database server ด้วย ดังนั้นบทความนี้เรามาดู Syntax ง่าย ๆ ในการ Random ข้อมูลของแต่ละ database server กันครับ

select random โดยใช้ MySQL

SELECT column FROM table
ORDER BY RAND()
LIMIT 1

select random โดยใช้ PostgreSQL

SELECT column FROM table
ORDER BY RANDOM()
LIMIT 1

select random โดยใช้ Microsoft SQL Server

SELECT TOP 1 column FROM table
ORDER BY NEWID()

select random โดยใช้ IBM DB2

SELECT column, RAND() as IDX 
FROM table 
ORDER BY IDX FETCH FIRST 1 ROWS ONLY

select random โดยใช้ Oracle

SELECT column FROM
( SELECT column FROM table
ORDER BY dbms_random.value )
WHERE rownum = 1

จะเห็นว่าแต่ละ database server ก็จะมีการใช้ syntax ที่แตกต่างกัน ลองนำไปใช้ดูครับ

8/12/58

การใช้ CSS ใน HTML

การใช้ CSS ใน HTML

บทความนี้เรามาดูวิธีการใช้ CSS ใน HTML กันครับ ซึ่งเรารู้กันแล้วว่า CSS นั้นจะใช้ใน HTML หรือ SVG แต่ในบทความนี้เราจะแนะนำเฉพาะการใช้ CSS ใน HTML เท่านั้น

ในการใช้ CSS ใน HTML นั้นเราจะมีอยู่ 3 วิธีในการเพิ่ม CSS ใน HTML นั่นคือ
- เพิ่ม CSS ภายใน Style attribute ใน HTML element
- เพิ่ม CSS ใน style HTML element
- เพิ่ม CSS โดยการทำเป็น external CSS file

ซึ่งแต่ละวิธีจะมีวิธีทำตามวิธีด้านล่าง

เพิ่ม CSS ภายใน Style attribute ใน HTML element

วิธีการที่ง่ายที่สุดในการเพิ่ม CSS ใน HTML นั้นก็คือการฝัง CSS ภายใน style attribute ใน HTML element ซึ่งมีตัวอย่างการใช้งานตามโค้ดด้านล่าง

<html>
 <head>
  <title>Doesystem</title>
 </head>

 <body>
  <div style="color:#FF0000;">www.doesystem.info</div>
  <div style="color:#FF0000;">CSS Example</div>
 </body>
</html>

จากโค้ดเราได้ใส่ color ลงใน style attribute ภายใน div element ในแท็กเปิด เราสามารถใส่หลาย ๆ Property ของ css ได้โดยใช้เครื่องหมาย ; กั้น

เพิ่ม CSS ใน style HTML element

วิธีการนี้เป็นการเพิ่ม CSS ลงใน style HTML element ซึ่งอยู่ภายใน HTML page ถ้าเราต้องการที่จะใส่ style ที่เหมือน ๆ กันในหลาย ๆ HTML element วิธีการนี้เป็นวิธีการง่ายที่จะกำหนดลักษณะ style ให้กับ HTML แต่ละ element ตัวอย่างโค้ดตามด้านล่าง

<html>
 <head>
  <title>Doesystem</title>
 </head>

 <body>
  <style>
   div{
    color:#FF0000;
   }
  </style>

  <div>www.doesystem.info</div>
  <div>CSS Example</div>
 </body>
</html>

จากโค้ดข้างบนเราได้ใส่ CSS ลงใน style element โดยกำหนดให้กำหนดลักษณะของทุก ๆ div element กำหนดเป็นสีแดง

เพิ่ม CSS โดยการทำเป็น external CSS file

ถ้าเราต้องการที่จะกำหนดลักษณะของ CSS ให้หลาย ๆ หน้าของเว็บ การจะไล่ใส่ style ทุก ๆ หน้าก็ออกจะเป็นวิธีการที่ยุ่งยาก ดังนั้นวิธีที่ง่ายคือการสร้างไฟล์ .css ขึ้นมาเพื่อเก็บโค้ด CSS แล้วนำไฟล์นี้ไปเพิ่มลงในหน้าเว็บเพจที่ต้องการกำหนด style เพื่อลิ้งมายังไฟล์นี้ ตัวอย่างโค้ดดังด้านล่าง

ไฟล์ css-file-url.css

div{
 color:#FF0000;
}

ไฟล์ HTML

<html>
 <head>
  <title>Doesystem</title>
  <link rel="stylesheet" type="text/css" href="css-file-url.css">
 </head>

 <body>
  <div>www.doesystem.info</div>
  <div>CSS Example</div>
 </body>
</html>

จากตัวอย่างเราจะสร้างไฟล์ .css ที่ชื่อว่า css-file-url.css ในไฟล์นี้จะมีโค้ด CSS ที่ใช้สำหรับกำหนด style จากนั้นเราก็จะมีไฟล์ HTML ไว้สำหรับแสดงผล ในไฟล์ HTML นี้เราจะทำการเพิ่มไฟล์ .css เข้ามาโดยใช้ <link rel="stylesheet" type="text/css" href="css-file-url.css"> เพื่อบ่งบอกว่าให้เพิ่มไล์ .css นี้เข้ามาด้วย

การเพิ่มไฟล์ .css โดยใช้ @import

ในการเพิ่มไฟล์ .css ลงในเว็บเพจนั้นนอกจากจะใช้ <link rel="stylesheet" type="text/css" href="css-file-url.css"> แล้วเรายังสามารถใช้ @import เพื่อกำหนดไฟล์ .css เข้ามาใช้ได้ โดยวิธีการใช้นั้น ดังตัวอย่างด้านล่าง

<html>
 <head>
  <title>Doesystem</title>
 </head>

 <body>
  <style>
   @import url('css-file-url.css');
  </style>

  <div>www.doesystem.info</div>
  <div>CSS Example</div>
 </body>
</html>

จากตัวอย่างนี้เราจะใช้ @import ในการเพิ่มไฟล์ .css เข้ามาในเว็บเพจ โดยการจะใช้คำสั่ง @import นั้นจะต้องอยู่ภายใน html element

เพียงแค่นี้เราก็ได้รู้วิธีการใส่โค้ด CSS ใน HTML แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเลือกวิธีไหนและออกแบบยังไง

CSS คืออะไร

CSS คืออะไร

บทความนี้เรามาทำความรู้จักกับ CSS กันดีกว่าครับ ว่ามันคืออะไร และมีไว้ใช้ทำอะไร

CSS ย่อมาจาก Cascading Style Sheets ซึ่งจะนำมาใช้ใน HTML หรือว่า SVG ในการกำหนดลักษณะหรือ style ในเนื้อหาของ HTML page

ในเว็บไซต์หรือเว็บแอปพลิเคชันสมัยนี้มักจะประกอบด้วย HTML, CSS, JavaScript หรืออาจจะมี SVG และอื่น ๆ ด้วย HTML นั้นจะเป็นการกำหนดเนื้อหาหรือข้อมูลในเว็บไซต์หรือเว็บแอปพลิเคชัน ส่วน CSS นั้นจะเป็นการกำหนดลักษณะการแสดงผลของเนื้อหาหรือข้อมูล เช่น การแสดงผลของตัวอักษร สี ขนาด กรอบ พื้นหลัง และอื่น ๆ ส่วน JavaScript นั้นจะเข้ามาทำให้เว็บไซต์เหมือนมีชีวิตยิ่งขึ้น และ SAG จะใช้ในการสร้าง graphics ที่เป็นแบบ Vector สำหรับ diagrams, icons หรือ logo

CSS Versions

เวอร์ชันของ CSS นั้นปัจจุบัน(2015) ได้มีสองเวอร์ชันที่สำคัญของ CSS ที่จะใช้ นั่นคือ CSS 2.1 และ CSS 3.0

CSS Example

ต่อไปมาดูตัวอย่างการใช้งานง่าย ๆ สำหรับ CSS กันครับ

<html>
 <head>
  <title>Doesystem</title>
 </head>

 <body>
  <style>
   div{
    color:#FF0000;
   }
  </style>

  <div>www.doesystem.info</div>
  <div>CSS Example</div>
 </body>
</html>

ในตัวอย่างเป็นการแสดงหน้า HTML อย่างง่าย ๆ โดยการใช้ style element และ div element

ใน style element นั้นจะเป็นการกำหนด CSS Code ในโค้ดตัวอย่าง CSS นั้นจะเป็นการกำหนดลักษณะหรือ style ของ div element ทั้งหมด โดยการกำหนดสี (color) ใน div ทั้งหมดให้เป็นสีแดง

2/12/58

Design Patterns: PHP Singleton

Design Patterns: PHP Singleton

บทความนี้เรามาดูตัวอย่างการใช้ Design Patterns มาใช้ในภาษา PHP โดยตัวอย่างนี้จะเป็นเรื่องของ Singleton

ในการออกแบบ web application นั้น ก็มักจะมีแนวทางในการออกแบบที่หลากหลายรูปแบบกันไป และมักจะมีการออกแบบให้มีการเข้าถึง instance ใน Class ไม่น้อยเช่นกัน เช่น เราต้องการจะเข้าถึง Object ที่เกี่ยวกับการติดต่อฐานข้อมูลหนึ่ง ๆ เราไม่จำเป็นจะต้องสร้าง Object ชนิดนี้ออกมามากมาย เพียงแค่ Object เดียวแล้วเวลาจะใช้ก็ทำการเรียก getInstance เอา Object นั้นออกมาใช้งานเพียงแค่นี้ก็พอแล้ว และก็มีอีกอย่างนั่นก็คือเราไม่จำเป็นต้องแก้ไขหรือไม่ให้ใครมาแก้ไข Object นี้ เราจะออกแบบยังไง The singleton pattern สามารถช่วยคุณได้ มาดูตัวอย่างง่าย ๆ กัน

<?php
class Singleton
{
    /**
     * @var Singleton The reference to *Singleton* instance of this class
     */
    private static $instance;
    
    /**
     * Returns the *Singleton* instance of this class.
     *
     * @return Singleton The *Singleton* instance.
     */
    public static function getInstance()
    {
        if (null === static::$instance) {
            static::$instance = new static();
        }
        
        return static::$instance;
    }

    /**
     * Protected constructor to prevent creating a new instance of the
     * *Singleton* via the `new` operator from outside of this class.
     */
    protected function __construct()
    {
    }

    /**
     * Private clone method to prevent cloning of the instance of the
     * *Singleton* instance.
     *
     * @return void
     */
    private function __clone()
    {
    }

    /**
     * Private unserialize method to prevent unserializing of the *Singleton*
     * instance.
     *
     * @return void
     */
    private function __wakeup()
    {
    }
}

class SingletonChild extends Singleton
{
}
?>

จากโค้ดจะเห็นว่าตัวแปรที่ต้องการจะ return นั้นจะต้องเป็น static เวลาจะใช้งานเราก็เรียก getInstance() เช่น Singleton::getInstance(); ในฟังก์ชันเราก็ทำการเช็คตัวแปรก่อนว่ามีค่าแล้วหรือเปล่า หรือมีคนเรียกแล้วหรือยัง ถ้ายังเราก็ทำการสร้างขึ้นมาแล้วเก็บไว้ในตัวแปรประจำ Class จากนั้นเมื่อทำการเรียกครั้งต่อไป เราจะทำการ return ตัวแปรเดิมที่เคยเรียกไปแล้ว

ดูเพิ่มเติมได้ที่
http://www.phptherightway.com/pages/Design-Patterns.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Singleton_pattern

การใส่รูปภาพในภาษา HTML โดยใช้ img tag

การใส่รูปภาพในภาษา HTML โดยใช้ img tag

บทความนี้เรามาดูวิธีการใส่รูปภาพในภาษา HTML ซึ่งการจะใส่รูปภาพในภาษา HTML นั้นเราจะใช้แท็ก img กันครับ เรามาดูว่ามันใช้ยังไง และสามารถปรับแต่งพื้นฐานอะไรได้บ้าง

เรามาดูโครงสร้างพื้นฐานในการใช้งานแท็ก img กันก่อน ซึ่งแท็ก img นั้นไม่มีแท็กปิด ดังนั้นแท็ก img จึงมีรูปแบบการใช้งานดังนี้

<img src="Image URL" ... attributes-list />

จากรูปแบบจะเห็นว่าเราจะใช้ attribute src ในการกำหนดที่อยู่ของรูปภาพ และก็มี attributes อื่น ๆ ที่ต้องการจะใส่ มาดูตัวอย่างโค้ดแบบเต็ม ๆ กันตามด้านล่างเลย

<html>
<head>
<title>Doesystem.info</title>
</head>
<body>

<img src="doesystem-logo.png" src="doesystem logo website" title="doesystem logo" />

</body>
</html>

จากตัวอย่างเราจะใส่ URL ของรูปภาพไว้ที่ src ซึ่งจะเป็นที่อยู่ของรูปภาพ นามสกุลอะไรก็ได้ เช่น .jpg .jpeg .gif และอื่น ๆ อีกมาก หรือเป็น URL ของรูปภาพที่ไม่มีนามสกุลก็ได้(ตัวอย่างที่แชร์มาจากพวก google drive) เราจะใช้ชื่อรูปที่อ้างอิง URL ในเว็บไซต์ หรือจะใส่เป็น URL แบบมี http://www เลยก็ได้เหมือนกัน

ส่วน attribute src เป็น attribute ที่ใช้ในการอธิบายรูปภาพ จะไม่มีการแสดงผลเป็นแค่การอธิบายรูปภาพเท่านั้น(ว่ากันว่ามีผลต่อ seo อยู่มาก)

ส่วน attribute title ก็เป็นการแสดงข้อความเมื่อเอาเมาส์ชี้

การใส่ขนาดรูปภาพในแท็ก img

ในการแสดงรูปภาพในเว็บไซต์นั้น สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ขนาดของรูปภาพที่แสดง ซึ่งแท็ก img นั้นก็มี attribute ไว้สำหรับกำหนดขนาดรูปไว้เช่นกัน นั่นก็คือ height แล้วก็ width ตัวอย่างการใช้

<html>
<head>
<title>Doesystem.info</title>
</head>
<body>

<img src="doesystem-logo.png" src="doesystem logo website" height="100" width="150" />

</body>
</html>

นอกจากการกำหนดขนาดรูปแล้วเรายังสามารถใส่ attribute อื่น ๆ ได้อีกมากมาย เช่น id class border และ attribute พื้นฐานอื่น ๆ

คิดชื่อโดเมนไม่ออก ตั้งชื่อ domain อะไรดี มาใช้เครื่องมือช่วยตั้งชื่อเว็บไซต์กันดีกว่า

คิดชื่อโดเมนไม่ออก ตั้งชื่อ domain อะไรดี มาใช้เครื่องมือช่วยตั้งชื่อเว็บไซต์กันดีกว่า

หลาย ๆ คนที่คิดจะทำเว็บ อันดับแรกก็ต้องมีชื่อเว็บ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ หรือปัญหาเล็ก ๆ อันดับแรกคือ ตั้งชื่อโดเมนอะไรดี คิดอะไรไม่ออก ชื่อนี้จะดีไหมนะ ชื่อนั้นจะดีไหมนะ เอาชื่อโดนเมนไหนดี เพราะชื่อโดเมนถือเป็นปัจจัยแรกที่สำคัญ เพราะเมื่อคนนึกถึงเว็บไซต์ก็จะนึกถึงชื่อเว็บก่อน ดังนั้นบทความนี้เรามาดูเครื่องมือฟรีที่ช่วยตั้งชื่อเว็บไซต์กันดีกว่าครับ

มาเริ่มดูเครื่องมือกันเลย


http://www.leandomainsearch.com/


เว็บนี้เป็นเว็บที่ช่วยในการหาชื่อโดเมน .com ที่ยังว่างอยู่ เราสามารถที่จะให้มันช่วยค้นหาชื่อโดเมนที่เราต้องการเริ่มต้นแล้วเอาชื่อต่าง ๆ มาต่อท้าย ต่อหัว หรือทั้งท้ายและหัวได้ตามต้องการ มันจะนำคำที่ดี ๆ สวย ๆ และมีความหมายมาต่อเติมให้ ทำให้เราเห็นชื่อโดเมนหรือคำต่อที่เรานึกไม่ออกมาตั้งมากมาย


https://domaintyper.com/


เว็บนี้จะช่วยเช็คชื่อโดเมนที่ว่างอยู่ทั้ง .com .net .org และอื่น ๆ ที่ใช้กันเยอะ ๆ มาให้เรา หรือกำหนดเองก็ได้ด้วย โดยสีแดงแสดงว่ามีการจดไว้แล้วและยังสามารถดูรายละเอียดโดเมนที่จดไปแล้วได้ด้วย ส่วนสีเขียวแสดงว่ายังว่างอยู่ และนอกจากนั้นยังช่วยคิดชื่อโดเมนให้เราด้วยในส่วนของ Domain Name Generator แต่จะเห็นว่ามีนิดเดียว เราสามารถกดปุ่น refresh หรือปุ่ม Generator New Names เพื่อให้ค้นหาชื่ออื่น ๆ ได้


http://www.namemesh.com/


เว็บนี้จะเป็นการค้นหาชื่อ แล้วแยกประเภทของชื่อโดเมนให้ด้วย โดยจะทำการแยกเป็นประเภทต่าง ๆ เหมาะสำหรับจะเอาไปใช้ในการทำเว็บประเภทต่าง ๆ เป็นสีชัดเจน


http://www.domainsbot.com/


เว็บนี้จะช่วยในการเลือกดอทให้อย่างหลากหลาย เช่น ต้องการชื่อโดเมนนี้ แต่ .com ไม่ว่าง มันจะหาดอทอื่น ๆ มาแทนอีกหลาย ๆ ดอทให้เราได้เลือกใช้ แล้วยังหาชื่อดี ๆ มาแนะนำให้เราด้วย

บทความนี้ขอแนะนำเครื่องมือช่วยตั้งชื่อโดเมนแค่นี้ก่อนละกัน เครื่องมือฟรีที่ช่วยตั้งชื่อโดเมนยังมีอีกมาก แต่เพียงแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการตั้งชื่อโดเมน สำหรับใครมีเครื่องมือดี ๆ ลองโพสมาแนะนำกันครับ