30/9/58

Big Data คืออะไร

Big Data คืออะไร

Big Data คือการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ไม่สามารถประมวลผลโดยใช้เทคนิคการคำนวณแบบดั้งเดิมได้ ตัวอย่างเช่น ปริมาณของข้อมูล Facebook หรือ Youtube ที่ต้องการเก็บและประมวลผลเป็นรายวัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่มหาศาลมาก แบบนี้เราสามารถจัดให้อยู่ในหมวดของ Big Data ได้เลย

อย่างไรก็ตาม Big Data ยังไม่ได้จำกัดแค่ขนาดและปริมาณของข้อมูล แต่ยังรวมไปถึง ความรวดเร็ว ความหลากหลาย ปริมาณ และความซับซ็อนของข้อมูลด้วย

คุณสมบัติที่สำคัญของ Big Data นั้นจะมีลักษณะพิเศษอยู่ 3 ข้อ คือ

ปริมาณ (Volume) ปริมาณของข้อมูลนั้นจะอยู่ในระดับเทราไบต์ (terabyte) ขึ้นไป ซึ่งมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างในการเพิ่มขนาดของข้อมูล เช่นข้อมูลการทำธุรกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ข้อมูลที่เป็น streaming จาก social media ซึ่งข้อมูลจำนวนมากเหล่านี้จะเป็นปัญหามากสำหรับการจัดเก็บ

ความเร็ว (Velocity) ข้อมูลจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นข้อมูลแบบ Real-Time ซึ่งจะต้องได้รับการจัดการในเวลาที่เหมาะสม เช่นข้อมูลจาก social media ข้อมูลจากธุรกรรมต่าง ๆ

ความหลากหลาย (Variety) ข้อมูลในทุกวันนี้มักจะมาในทุกรูปแบบทั้งข้อมูลแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง เช่น ตัวหนังสือ email วีดีโอ เสียง ภาพ และอื่น ๆ ซึ่งจะต้องมีการจัดการกับข้อมูลที่มีความแตกต่างกัน

นอกจากลักษณะพิเศษ 3 ข้อดังกล่าวแล้ว ในที่นี้เรายังเพิ่มเติมลักษณะเกี่ยวกับ Big Data เพิ่มเติมอีก 2 ข้อ นั่นคือ

ความแปรปรวณ(Variability) นอกจากความเร็วและความหลากหลายของข้อมูลแล้ว ข้อมูลนั้นยังมีความแปรปรวณไปตามฤดูกาลและเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นความท้าทายความสามารถในการจักการและการโหลดของข้อมูล

ความซับซ้อน(Complexity) ปัจจุบันข้อมูลมักจะมาจากหลาย ๆ แหล่งซึ่งจะมีความซับซ้อน และเชื่อมโยงกันอยู่ การจัดการข้อมูลที่มีความซับซ้อนและสัมพันธ์ให้ได้อย่างรวดเร็วนั้นถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง

29/9/58

Apache Ant คืออะไร

Apache Ant คืออะไร

- Apache Ant เป็น Java library และเครื่องมือคำสั่งที่มีเป้าหมายเพื่อทำการ Build files สำหรับเป้าหมายที่อยู่ในแต่ละที่
- ส่วนมาก Apache Ant จะรู้จักและถูกใช้ในการ Build Java Applications
- Apache Ant สามารถ Build สร้างและรวบรวมเพื่อใช้ในการ Test หรือ Run Java Application นอกจากนี้ Apache Ant ยังสามารถ build สิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Java ได้ด้วย เช่น C หรือ C++ Applications
- Apache Ant เป็นเครื่องมือที่เอาไว้สำหรับ Build จาก Apache Software Foundation
- Apache Ant จะทำการ Build files ซึ่งได้ถูกเขียนอยู่ในรูปของ XML

ทำไมเราถึงต้องใช้ Apache Ant

โดยเฉลี่ย นัก developer จะเสียเวลาอย่างมากในการทำงาน เช่น build และ deployment ซึ่งจะทำงานหลาย ๆ ขั้นตอน เช่น
- Compiling the code
- Packaging the binaries
- Deploying the binaries to the test server
- Testing the changes
- Copying the code from one location to another

ในการทำงานที่ซ้ำซ้อนและเสียเวลาดังกล่าวนี้ Apache Ant มีประโยชน์อย่างมากและสามารถช่วยคุณได้

mavencli unsupported major.minor version 51.0

mavencli unsupported major.minor version 51.0

กำลังติดตั้ง maven อยู่ตามบทความเรื่อง install Apache Maven on Windows แล้วลองเทสโดยใช้คำสั่ง mvn -version แต่กลับเกิดปัญหาตามรูปด้านล่าง


ถ้าหากนำมาเขียนเป็น Log ก็จะได้ดังด้านล่าง

C:\Users\Doe>mvn -version
Exception in thread "main" java.lang.UnsupportedClassVersionError: org/apache/ma
ven/cli/MavenCli : Unsupported major.minor version 51.0
        at java.lang.ClassLoader.defineClass1(Native Method)
        at java.lang.ClassLoader.defineClassCond(ClassLoader.java:631)
        at java.lang.ClassLoader.defineClass(ClassLoader.java:615)
        at java.security.SecureClassLoader.defineClass(SecureClassLoader.java:141)
        at java.net.URLClassLoader.defineClass(URLClassLoader.java:283)
        at java.net.URLClassLoader.access$000(URLClassLoader.java:58)
        at java.net.URLClassLoader$1.run(URLClassLoader.java:197)
        at java.security.AccessController.doPrivileged(Native Method)
        at java.net.URLClassLoader.findClass(URLClassLoader.java:190)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.realm.ClassRealm.loadClassFromSelf(ClassRealm.java:401)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.strategy.SelfFirstStrategy.loadClass(SelfFirstStrategy.java:42)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.realm.ClassRealm.unsynchronizedLoadClass(ClassRealm.java:271)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.realm.ClassRealm.loadClass(ClassRealm.java:254)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.realm.ClassRealm.loadClass(ClassRealm.java:239)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.launcher.Launcher.getMainClass(Launcher.java:144)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.launcher.Launcher.launchEnhanced(Launcher.java:266)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.launcher.Launcher.launch(Launcher.java:229)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.launcher.Launcher.mainWithExitCode(Launcher.java:415)
        at org.codehaus.plexus.classworlds.launcher.Launcher.main(Launcher.java:356)

Maven ที่ผมใช้นี้เป็น version 3.3.3 และใช้ Java 6 เมื่อมาดูเว็บไซต์ http://maven.apache.org/docs/history.html จะพบว่า Maven 3.3.3 นั้นต้องใช้ Java 7 ขึ้นไป ดังนั้นปัญหานี้เกิดจาก version ไม่ตรง

วิธีแก้ก็มีอยู่สองวิธี
1. เปลี่ยน Java ตามที่ Maven ต้องการ
2. เปลี่ยน Maven ตามที่ใช้ Java อยู่

เมื่อแก้เสร็จแล้วเราก็จะได้แล้ว


เมื่อแก้ปัญหาเสร็จแล้ว เราก็จะสามารถใช้ Maven ได้แล้ว

install Apache Maven on Windows

install Apache Maven on Windows

บทความนี้เรามาดูวิธีการติดตั้ง Apache Maven กันครับ ซึ่งในการติดตั้งนั้น เพียงแค่เราไปดาวน์โหลด Maven zip file มา จากนั้นก็ Unzip แล้วก็ configure M2_HOME ใน Windows environment Variables มาดูวิธีการต่าง ๆ กันดีกว่า

ก่อนอื่นให้เราทำการเช็ค JAVA_HOME ก่อนว่าได้ทำการตั้งค่าแล้วหรือเปล่า วิธีลองดูว่าเราได้เซต JAVA_HOME แล้วหรือยัง โดยคลิกขวาที่ My Computer จากนั้นเลือก Properties จากนั้นเลือก Advance system setting จะปรากฎ Dialog ขึ้นมา ให้ไปที่แถบของ Advance จากนั้นคลิกที่ Environment Variables... จะปรากฏ Environment Variables ขึ้นมา ตามรูปด้านล่าง


ถ้ามีอยู่แล้วเราก็สามารถผ่านขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่ถ้ายังไม่มีก็ให้ทำการตั้งค่า JAVA_HOME ด้วย

ต่อไปให้เราไปดาวน์โหลด Apache Maven จากเว็บ http://maven.apache.org/download.cgi จากนั้นให้เรา Unzip มาเก็บไว้ ตามตัวอย่างด้านล่าง


เมื่อได้แล้วต่อไปให้เราไปเพิ่ม M2_HOME และ MAVEN_HOME ใน Windows environment variable แล้วชี้ค่าไปยังที่อยู่ที่เราได้ Unzip ไว้ ตามตัวอย่างด้านล่าง


ตามรูปเราเพิ่มทั้ง M2_HOME และก็ MAVEN_HOME เพระว่าในเอกสารของ Maven นั้นบอกว่าให้แอด M2_HOME ก็พอแล้ว แต่ก็มีบางโปรแกรมที่ยังคงอ้างอิงถึง MAVEN_HOME อยู่ ดังนั้นเราจึงแอดไปทั้งสองอันเลย

ต่อไปก็ให้เราไป Update Path โดยการเพิ่ม %M2_HOME%\bin ต่อท้ายลงไป เพื่อให้สามารถรันคำสั่ง Maven ได้ทุกที่ ตามตัวอย่างด้านล่าง


จากนั้นก็ให้เราทำการกด OK ได้เลย เพียงแค่นี้เราก็สามารถรันคำสั่ง Maven ได้ทุกทีตามต้องการแล้ว

เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าที่เราได้ติดตั้งนั้นครบถ้วนสมบูรณ์ เรามาตรวจสอบกันครับ

ในการตรวจสอบนั้นให้เราเข้าไปที่ Command Line แล้วพิมพ์คำสั่ง mvn –version เพื่อลองตรวจสอบ ตามรูปด้านล่าง


จากรูปจะปรากฎข้อความประมาณนี้

C:\Users\Doe>mvn -version
Apache Maven 3.3.3 (7994120775791599e205a5524ec3e0dfe41d4a06; 2015-04-22T18:57:3
7+07:00)
Maven home: D:\Knowledge\Maven\apache-maven-3.3.3
Java version: 1.7.0_80, vendor: Oracle Corporation
Java home: C:\Program Files\Java\jdk1.7.0_80\jre
Default locale: en_US, platform encoding: MS874
OS name: "windows 8.1", version: "6.3", arch: "amd64", family: "windows"

ถ้าขึ้นแบบนี้แสดงว่าติดตั้ง Apache Maven ใช้ได้แล้วครับ

install Apache Ant on Windows

install Apache Ant on Windows

บทความนี้เรามาดูวิธีการติดตั้ง Apache Ant กันครับ ซึ่งในการติดตั้งนั้น เพียงแค่เราไปดาวน์โหลด Ant zip file มา จากนั้นก็ Unzip แล้วก็ configure ANT_HOME ใน Windows environment Variables มาดูวิธีการต่าง ๆ กันดีกว่า

ก่อนอื่นให้เราทำการเช็ค JAVA_HOME ก่อนว่าได้ทำการตั้งค่าแล้วหรือเปล่า วิธีลองดูว่าเราได้เซต JAVA_HOME แล้วหรือยัง โดยคลิกขวาที่ My Computer จากนั้นเลือก Properties จากนั้นเลือก Advance system setting จะปรากฎ Dialog ขึ้นมา ให้ไปที่แถบของ Advance จากนั้นคลิกที่ Environment Variables... จะปรากฏ Environment Variables ขึ้นมา ตามรูปด้านล่าง


ถ้ามีอยู่แล้วเราก็สามารถผ่านขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่ถ้ายังไม่มีก็ให้ทำการตั้งค่า JAVA_HOME ด้วย

ต่อไปให้เราไปดาวน์โหลด Apache Ant จากเว็บ http://ant.apache.org/bindownload.cgi จากนั้นให้เรา Unzip มาเก็บไว้ ตามตัวอย่างด้านล่าง


เมื่อได้แล้วต่อไปให้เราไปเพิ่ม ANT_HOME ใน Windows environment variable แล้วชี้ค่าไปยังที่อยู่ที่เราได้ Unzip ไว้ ตามตัวอย่างด้านล่าง


ต่อไปก็ให้เราไป Update Path โดยการเพิ่ม %ANT_HOME%\bin ต่อท้ายลงไป เพื่อให้สามารถรันคำสั่ง Ant ได้ทุกที่ ตามตัวอย่างด้านล่าง



จากนั้นก็ให้เราทำการกด OK ได้เลย เพียงแค่นี้เราก็สามารถรันคำสั่ง Ant ได้ทุกทีตามต้องการแล้ว

เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าที่เราได้ติดตั้งนั้นครบถ้วนสมบูรณ์ เรามาตรวจสอบกันครับ

ในการตรวจสอบนั้นให้เราเข้าไปที่ Command Line แล้วพิมพ์คำสั่ง ant -v เพื่อลองตรวจสอบ ตามรูปด้านล่าง



จากรูปจะปรากฎข้อความประมาณนี้

C:\Users\Doe>ant -v
Apache Ant(TM) version 1.9.6 compiled on June 29 2015
Trying the default build file: build.xml
Buildfile: build.xml does not exist!
Build failed

ถ้าขึ้นแบบนี้แสดงว่าติดตั้ง Apache Ant ใช้ได้แล้วครับ

25/9/58

ธาตุไฟเจ้าเรือน

ธาตุไฟเจ้าเรือน


คนที่เกิดเดือน 2, 3, 4 หรือเดือนมกราคา กุมภาพันธ์ และมีนาคม
คนเกิดปีขาล(เสือ) ปีมะโรง(งูใหญ่) ปีมะเส็ง(งูเล็ก) และปีระกา(ไก่)

ลักษณะรูปร่างและบุคคลิก

มักขี้ร้อน ทนร้อนไม่ค่อยได้ หิวบ่อย กินเก่ง ผมหงอกเร็ว มักหัวล้าน หนังย่น ผม ขน หนวด ค่อนข้างนิ่ม ไม่ค่อยอดทน ใจร้อน ข้อกระดูกหลวม มีกลิ่นปาก กลิ่นตัวแรง ความต้องการทางเพศปานกลาง

จุดอ่อนของสุขภาพ

ตับและถุงน้ำดี

โรคที่มักจะเป็น

ท้องผูก ริดสีดวง ความดันสูง เส้นโลหิตเปราะบาง ปวดศีรษะ โรคไต โรคกระษัย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย วิตกกังวล เบื่ออาหาร โรคหัวใจ โรคไทรอยด์ ร้อนใน โรคกระเพาะ กระดูกเสื่อมเร็วก่อนวัย หงุดหงิดง่าย ใจสั่น แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย เลือดเป็นพิษ โรคเลือด ลักปิดลักเปิด

ธาตุลมเจ้าเรือน

ธาตุลมเจ้าเรือน


คนที่เกิดเดือน 5, 6, 7 หรือเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน
คนเกิดปีเถาะ(กระต่าย) ปีมะเมีย(ม้า) ปีมะเม(แพะ)

ลักษณะรูปร่างและบุคคลิก

ผิวหนังหยาบแห้ง รูปร่างโปร่ง ผอม ผมบาง ข้อกระดูกลั่นเมื่อเคลื่อนไหว ขี้อิจฉา ขี้ขลาด รักง่าย หน่ายเร็ว ทนหนาวไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ช่างพูด เสียงต่ำ ออกเสียงไม่ชัด มีลูกไม่ดก เพราะความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยดี

จุดอ่อนของสุขภาพ

เส้นเลือดฝอยและการเต้นของหัวใจเป็นต้น

โรคที่มักจะเป็น

การเต้นของหัวใจ ความหวั่นไหว ความวิตกกังวล ภาวะหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดฝอยตีบตัน ปวดหลัง การขัด การกระตุก โรคความดันโลหิต โรคกระดูกเปราะ โรคน้ำตาแห้ง โรคตาต่าง ๆ โรคลมจุกเสียด โรคลมดันหัวใจ โรคนอนกรน โรคผอมแห้งแรงน้อย โรคปวดหัว วิงเวียน โรคท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคอ่อนเพลีย

ธาตุน้ำเจ้าเรือน

ธาตุน้ำเจ้าเรือน

คนที่เกิดเดือน 8, 9, 10 หรือเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน
คนเกิดปีชวด(หนู) และปีกุน(หมู)

ลักษณะรูปร่างและบุคคลิก

รูปร่างสมบูรณ์ อวัยวะสมบูรณ์ สมส่วน ผิวพรรณสดใส เต่งตึง ตาหวาน น้ำในตามาก ท่าทางเดินมั่นคง ผมดกดำงาม กินช้า ทำอะไรชักช้า ทนหิว ทนร้อน ทนเย็นได้ดี เสียงโปร่ง มีลูกดก หรือมีความรู้สึกทางเพศดี แต่มักเฉื่อยเชื่องช้า และเกียจคร้าน

จุดอ่อนของสุขภาพ

ลำคอ และกระเพาะปัสสาวะ

โรคที่มักจะเป็น

โรคภูมิแพ้ โรคหวัด โรคติดเชื้อต่าง ๆ แผลพุพองที่เรียกว่าน้ำเหลืองเสีย น้ำหนองไหล ปอดชื้น น้ำท่วมปอด โรคไตวายฉับพลัน ไลหิตจาง เลือดออกตามไรฟัน และโรคอ้วน ไอมีเสมหะ ไซนัสอักเสบ หอบหืด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โรคกะเพาะ ท้องผูก ท้องเฟ้อ บิด มูกเลือด ริดสีดวงทวาร ปัสสาวะผิดปกติ

23/9/58

One Punch Man เรื่องย่อ

One Punch Man เรื่องย่อ


ในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดออกอาละวาด ในโลกที่เมืองได้แบ่งเขตออกเป็นเมือง A-Z ในโลกที่มีสัตว์ประหลาดและฮีโร่

ไซตามะคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่มีอาชีพเสริมเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ธรรมดา ๆ ที่ช่วยกอบกู้โลก ช่วยกำจัดเหล่าสัตว์ประหลาดที่ออกอาละวาด แต่เขานั้นใช้เพียงแค่หมัดเดียว ก็สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ไซตามะเป็นแค่คนธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไปคนหนึ่ง ที่กำลังมองหางาน และออกหางานทำ วันหนึ่งที่เขาได้ไปสัมภาษณ์งานมาแต่กลับโดนปฏิเสธ จึงทำให้หมดกำลังใจ เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดปูกล้ามโต จึงไม่อยากวิ่งหนี แต่สัตว์ประหลาดปูก็ไม่ได้ทำอันตรายเขา เพราะว่าเป้าหมายของสัตว์ประหลาดปูคือเด็กคางตูดคนหนึ่ง

เมื่อไซตามะเดินต่อไป บังเอิญได้เจอกับเด็กคางตูดที่สัตว์ประหลาดปูพูดถึง ในขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดปูก็มาเจอเด็กคางตูดเข้าพอดี ไซตามะลังเลว่าจะช่วยเด็กคนนั้นดีไหม แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจช่วยเด็กคนนั้นให้รอดพ้นจากสัตว์ประหลาดปู เขาได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดปูอย่างดุเดือดและชนะในที่สุด

จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ได้ฝึกหนักเพื่อที่จะเป็นฮีโร่ที่แข็งแกร่งให้ได้ จนในที่สุดปัจจุบันเขาได้แข็งแกร่งขนาดแค่หมัดเดียวยังเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทุกราย อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เค้าแข็งแกร่ง คนแข็งแกร่งแบบนี้จะอยู่ในโลกนี้อย่างเดียวดายหรือไม่ ต้องติดตามกันในเรื่อง One Punch Man

ธาตุดินเจ้าเรือน

ธาตุดินเจ้าเรือน

คนที่เกิดเดือน 11, 12, 1 หรือเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันว่าคม
คนเกิดปีจอ(หมา) และปีฉลู(วัว)

ลักษณะรูปร่างและบุคคลิก

รูปร่างสูงใหญ่ ผิวค่อยข้างคล้ำ ผมดกดำ เสียงดัง ฟังชัด ข้อกระดูกแข็งแรง กระดูกใหญ่ น้ำหนักตัวมาก ล่ำสัน อวัยวะสมบูรณ์

จุดอ่อนของสุขภาพ

กระเพาะอาหาร และระบบขับถ่าย

โรคที่มักจะเป็น

โรคท้องผูก ระบบย่อยอาหารไม่ปกติ ท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคความดันต่ำ ไขมันอุดตัน หินปูนเกาะกระดูก ปวดตามข้อ เส้นเลือดตีบ โรคหัวใจ ไต ชักกระตุก โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ และโรคมะเร็งในลำไส้

Doupo Cangqiong พิธีฉลองวัยของตระกูลเสี่ยว

Doupo Cangqiong พิธีฉลองวัยของตระกูลเสี่ยว


เรามาดูกันว่าพิธีฉลองวัยของตระกูลเสี่ยวนั้นมีความสำคัญอย่างไร และหมายถึงอะไร ทำไมเสี่ยวเหยี่ยนถึงกลุ้มใจกับเรื่องนี้นัก

พิธีฉลองวัยจะจัดขึ้นเมื่อมีคนอายุครบ 15 ปี เป็นการวัดระดับของพลังลมปราณ ซึ่งจะมีเกณฑ์อยู่ ถ้าใครต่ำกว่าเกณฑ์ นั่นก็คืออยู่ในระดับเต๋าจื่อซี(ระดับศิษย์หรือระดับต่ำสุด) ต่ำกว่าขั้น 7 ถือว่าสอบตก จะต้องถูกเกณฑ์ให้เป็นผู้ออกไปรวบรวมเคล็ดวิชาเต๋าซี่ ถือว่าเป็นการถูกส่งออกไปทำงานในระดับต่ำให้แก่ตระกูล นี่เป็นกฏของตระกูลและแม้ว่าถึงจะเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูล ก็ไม่มีข้อยกเว้น

และหากใครไม่สามารถสอบผ่านถึงระดับเต๋าเจ่อ(ผู้ฝึกหัด)ได้ภายในอายุ 25 ปี เขาผู้นั้นจะถูกทอดทิ้งจากตระกูล


และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเสี่ยวเหยี่ยนถึงได้กังวลกับพิธีฉลองวัยเมื่ออายุครบ 15 ปีนักเพราะว่าเขาพลังหายไปจึงไม่แน่ใจว่าจะฝึกทันให้ผ่านเกณฑ์หรือเปล่า เนื้อเรื่องจะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันครับ

Doupo Cangqiong ระดับพลัง

Doupo Cangqiong ระดับพลัง


เรามาดูระดับพลังในเรื่อง Doupo Cangqiong กันครับ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังงง ๆ กันอยู่ ว่าระดับพลังมีอะไรบ้าง แตกต่างกันยังไง ใช้อะไรเป็นตัววัดว่าใครเก่งกว่าใคร

ระดับพลังลมปราณในเรื่อง Doupo Cangqiong

ระดับพลังปราณในเรื่อง Doupo Cangqiong นั้นจะแบ่งเป็น 12 ระดับ ดังนี้
1. Dou Zhi - Dou Disciple - ศิษย์
2. Dou Zhe - Dou Practitioner - ผู้ฝึกหัด
3. Dou Shi - Dou Master - ปรมาจารย์
4. Da Dou Shi - Dou Grand Master - เซียน
5. Dou Ling - Dou Spirit - วิญญาณ
6. Dou Wang - Dou King - กษัตริย์
7. Dou Huang - Dou Emperor - จักรพรรดิ์
8. Dou Zong - Dou Ancestor - บรรพบุรุษ
9. Dou Zun - Dou Venerate - ผู้เลื่อมใส
10. Ban Sheng - Dou Half Saint - กึ่งนักบุญ
11. Dou Sheng - Dou Saint - นักบุญ
12. Dou Di - Dou God - พระเจ้า

ในแต่ละระดับของพลังปราณจะแบ่งขั้นย่อย ๆ ออกเป็น 9 ขั้น ถ้าครบ 9 ขั้นถึงจะเลื่อนระดับต่อไปได้

เช่น ตอนนี้อยู่ศิษย์ขั้น 1 ต้องฝึกฝนให้ได้ศิษย์ขั้น 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 เมื่อได้ 9 ขั้นแล้วจึงจะได้เลื่อนเป็นผู้ฝึกหัดขั้น 1 จากนั้นก็ฝึกให้ได้ผู้ฝึกหัดขั้น 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 เมื่อได้ 9 ขั้นแล้วจึงจะได้เลื่อนระดับเป็นปรมาจารย์ขั้น 1 แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

ระดับพลังของท่าในเรื่อง Doupo Cangqiong

ระดับพลังของท่าในเรื่อง Doupo Cangqiong นั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
1.ขั้นแรก - ฮวาง/หวง(เหลือง) - ต่ำสุด
2.ขั้นสอง - เสวี่ยน/ซวน(ดำ)
3.ขั้นสาม - ตี่(ดิน)
4.ขั้นสี่ - เทียน(ฟ้า) - สูงสุด

ในแต่ละระดับของท่านั้น จะแบ่งออกได้อีก 3 ชั้น อย่างเช่น หวงชั้นต้น หวงชั้นกลาง หวงชั้นสูง เสวี่ยนชั้นต้น เสวี่ยนชั้นกลาง เสี่ยวชั้นสูง ...

ท่าวิชาที่เรียนนี้ยังเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่งของผู้ใช้อีกด้วย เช่น หากผู้ฝึกท่าในระดับเสวี่ยนชั้นกลาง ผู้นั้นย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้ที่ฝึกท่าในระดับหวงชั้นสูง

อย่างไรก็ตามท่าวิชาเหล่านี้ย่อมหาไม่ได้ทั่วไป ในท้องตลาดย่อมมีแต่วิชาธรรมดาทั่วไปที่อยู่ในระดับหวง ในตระกูลใหญ่ ๆ หรือพรรคเล็ก ๆ ทักษะวิชาหวงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา จะมีวิชาเสวี่ยนถือเป็นของหายากในตระกูลหรือสำนัก ส่วนทักษะวิชาตี่จะพบในประเทศมหาอำนาจหรือองค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น และสำหรับระดับเทียนในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีปรากฎให้เห็นเลย


ในการจะวัดหรือแยกว่าคนใดแข็งแกร่งกว่าใครนอกจากระดับพลังลมปราณและระดับพลังของท่าแล้ว ยังมีเกณฑ์อื่น ๆ อีก คือ ความแข็งแรงโดยธรรมชาติของร่างกาย ทักษะวิชา และการควบคุมพลังเต๋า

Doupo Cangqiong เรื่องย่อ

Doupo Cangqiong เรื่องย่อ


เรื่องย่อของ Doupo Cangqiong ณ ดินแดนหนึ่งที่ชือว่าโลก ดินแดนแห่งนี้ไม่มีทั้งเวทย์มนต์หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยี แต่ดินแดนแห่งนี้มีสิ่งหนึ่งที่ผู้คนต้องการและแสวงหา สิ่งนั้นก็คือ พลังลมปราณ ลำดับของพลังนั้นแบ่งออกเป็น 12 ระดับ เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่รอดได้บนโลกแห่งนี้ นี้แหละคือกฎ..ของโลกใบนี้ ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอชีวิตของพวกมันก็เปรียบเหมือนแมลงชั้นต่ำ และนี่คือโลกแห่งการต่อสู้

พระเอกของเรา เสี่ยวเหยี่ยน ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่พบเจอได้ยากในหลายรอบหลายทศวรรษ ที่ตอนเด็กนั้นเคยเด่นและพลังสูงกว่าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่จู่ ๆ พลังของเค้าก็ต้องสูญเสียลงไปอย่างกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ โดนคนใกล้ตัว ทั้งเพื่อนและญาติ หรือแม้กระทั่งผู้รับใช้ยังดูถูกและเหยีดหยามเขา

จู่ ๆ แม่นางน่าหลันคู่หมั้นของเขาก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันและได้ยกเลิกการถอนหมั้น การกระทำนี้ถือว่าเป็นการดูถูกตระกูลของเสี่ยวเหยี่ยนอย่างมาก ซึ่งเสี่ยวเหยี่ยนก็ไม่ยอม

ดังนั้นทั้งสองจึงมีนัดหมายกันว่าอีกสามปีให้มาประลองฝีมือกัน
- ถ้าเสี่ยวเหยี่ยนแพ้เสี่ยวเหยี่ยนจะยอมรับการถอนหมั้น ซึ่งถือเป็นการดูถูกตระกูลของเสี่ยวเหยี่ยน
- ถ้าเสี่ยวเหยี่ยนชนะเสี่ยวเหยี่ยนจะเป็นคนขออย่า ซึ่งถือว่าแม่นางน่าหลันคู่หมั้นนั้นไม่คู่ควรกับการเป็นคนของตระกูลเสี่ยว

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ใครจะชนะระหว่างเสี่ยวเหยี่ยนกับน่าหลัน เสี่ยวเหยี่ยนจะมีพลังคืนมาได้ยังไง ทำไมพลังของเค้าจึงหายไป พบกับคำตอบเหล่านี้ได้ในเรื่อง Doupo Cangqiong รับรองสนุกแน่

21/9/58

วิธีการดูธาตุเจ้าเรือนตามวันเกิดของคนแต่ละคน

วิธีการดูธาตุเจ้าเรือนตามวันเกิดของคนแต่ละคน


ในการดูธาตุเจ้าเรือนตามวันเกิดนั้น เป็นวิธีคำนวณดูจากวัน เดือน ปีเกิด ที่เริ่มปฏิสนธิ เพราะเมื่อเรารู้วันปฏิสนธิแล้วเราก็จะรู้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นฤดูอะไร เรามีธาตุเจ้าเรือนอะไร เราควรรักษาสุขภาพอย่างไร และควรระวังโรคอะไรบ้าง ดังพระคัมภีร์ปฐมจินดากล่าวไว้ว่า เมื่อเราตั้งครรภ์ในฤดูอันใด ธาตุอันใด ให้เอาธาตุของฤดูนั้นเป็นที่ตั้งแห่งธาตุกำเนิดของกุมารกุมารีนั้น ๆ เช่น

- ตั้งครรภ์ในเดือน 2, 3, 4 เป็นลักษณะแห่งดิน
- ตั้งครรภ์ในเดือน 11, 12, 1 เป็นลักษณะแห่งน้ำ
- ตั้งครรภ์ในเดือน 8, 9, 10 เป็นลักษณะแห่งลม
- ตั้งครรภ์ในเดือน 5, 6, 7 เป็นลักษณะแห่งไฟ

นั่นคือธาตุเจ้าเรือนนั่นเอง แต่คนส่วนใหญ่มักจำได้เพียงแต่วันเกิด คำว่าตั้งครรภ์ในเดือนใดหมายถึง การเริ่มมีครรภ์ หรือมีการปฏิสนธิ ดังนั้นจากข้อสังเกตของคนโบราณดังกล่าว ถ้านำอายุการตั้งครรภ์มาพิจารณาแล้วสามารถประมาณการได้ว่า

- ผู้ที่เกิดเดือน 11, 12, 1 จะมีธาตุดินเป็นเจ้าเรือน
- ผู้ที่เกิดเดือน 8, 9, 10 จะมีธาตุน้ำเป็นเจ้าเรือน
- ผู้ที่เกิดเดือน 5, 6, 7 จะมีธาตุลมเป็นเจ้าเรือน
- ผู้ที่เกิดเดือน 2, 3, 4 จะมีธาตุไฟเป็นเจ้าเรือน

Comment ในภาษา Java

Comment ในภาษา Java


เรามาดูคอมเม้นในภาษา Java กันครับ

Comment แบบบรรทัดเดียว

คอมเม้นแบบบรรทัดเดียว ดูตัวอย่างได้ตามโค้ดด้านล่าง

//   Single line of comment
public class MainClass{
  public static void main(String[] arg){

  }
}

จากตัวอย่างโค้ดคอมเม้นด้านบน จะเห็นว่าเราสามารถใช้ // ในการคอมเม้น โค้ดที่อยู่ด้านหลังเครื่องหมายนี้จะเป็นคอมเม้น

Comment แบบหลายบรรทัด

คอมเม้นแบบหลายบรรทัด ดูตัวอย่างได้ตามโค้ดด้านล่าง

/*   multiple lines of comment
another line
 */ 
public class MainClass{
  public static void main(String[] arg){

  }
}

จากตัวอย่างโค้ดคอมเม้นด้านบน เราใช้เครื่องหมาย /* เป็นการบอกว่าให้เริ่มคอมเม้นตั้งแต่ตรงนี้ จนกว่าจะเจอเครื่องหมาย */ เพื่อบอกว่าให้สิ้นสุดคอมเม้นตรงนี้

Reserved in Java คำสงวนในภาษา Java

Reserved in Java คำสงวนในภาษา Java


ในภาษา Java มีคำอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถนำมาเป็น Object หรือว่าตั้งชื่อตัวแปรได้ คำเหล่านี้จะรู้จักกันในชื่อ reserved หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า คำสงวน นั่นเอง คำเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใช้สำหรับ Syntax ในการเขียนโปรแกรมในภาษา Java

คำสงวนในภาษา Java มีอะไรบ้าง

abstract
assert
boolean
break
byte
case
catch
char
class
const
continue
default
do
double
else
enum
extends
final
finally
float
for
goto
if
implements
import
instanceof
int
interface
long
native
new
package
private
protected
public
return
short
static
strictfp
super
switch
synchronized
this
throw
throws
transient
try
void
volatile
while

20/9/58

ธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบเป็นคน

ธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบเป็นคน

ธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบเป็นคน แบ่งออกเป็น 4 กอง คือ

1. ธาตุดิน มี 20 ประการ คือ
1.1 ผม ที่เป็นเส้นหงอกอยู่บนศีรษะ
1.2 ขน ที่เป็นเส้นงอกอยู่ทั่วร่างกาย เช่น ขนคิ้ว หนวดเครา และขนอ่อนตามตัว
1.3 เล็บ ที่งอกอยู่ตามปลายนิ้วมือ และหลายนิ้วเท้า
1.4 ฟัน
1.5 หนัง ตามตำราเข้าใจว่า หมายถึงที่หุ้มกายภายนอก ซึ่งมี 3 ชั้น คือ หนังหนา หนังชั้นกลาง หนังกำพร้า แต่ที่จริงหนังในปากก็เป็นหนังเปียกอีกชนิดหนึ่ง จึงควรนับเข้าด้วย
1.6 เนื้อที่เป็นกล้ามและเป็นแผ่นในร่างกาย
1.7 เส้นและเอ็นในกายทั่วไป
1.8 กระดูก กระดูกอ่อน กระดูกแข็ง
1.9 ไขกระดูก
1.10 ม้าม
1.11 หัวใจ
1.12 ตับ
1.13 พังผืด เป็นเนื้อยืดหดได้ มีอยู่ทั่วร่างกย
1.14 ไต
1.15 ปอด
1.16 ลำไส้ใหญ่
1.17 ลำไส้เล็ก
1.18 อาหารใหม่ อาหารที่อยู่ภายในกระเพาะอาหาร และที่อยู่ในส่วนของลำไส้เล็กด้วย
1.19 อาหารเก่า กากอาหารที่ตกจากลำไส้เล็กมาอยู่ในลำไส้ใหญ่ตอนล่าง และตกไปทวารหนัก
1.20 มันสมอง

2. ธาตุน้ำ มี 12 ประการ คือ
2.1 น้ำดี แยกเป็น 2 อย่าง คือ น้ำดีในฝัก และน้ำดีนอกฝักที่อยู่ในลำไส้
2.2 เสมหะ แยกเป็น 3 อย่าง คือ เสมหะในลำคอ เสมหะในหลอดลม
2.3 หนอง ที่ออกตามแผลต่าง ๆ เกิดขึ้นเพราะมีเหตุช้ำชอก และเป็นแผล
2.4 เลือด ทั้งเลือดดำและเลือดแดง
2.5 เหงื่อ น้ำเหงื่อที่ตามกายทั่วไป
2.6 มันข้น เป็นเนื้อมันสีขาวออกเหลืองอ่อน มีในร่างกายทั่วไป
2.7 น้ำตา น้ำใส ๆ ที่ออกจากตาทั้งสองข้าง
2.8 มันเหลว หยดน้ำมัน และน้ำเหลืองในร่างกายทั่วไป
2.9 น้ำลาย
2.10 น้ำมูก เป็นน้ำใส ๆ ที่ออกทางจมูก
2.11 น้ำมันในไขข้อ น้ำมันที่อยู่ในข้อทั่ว ๆ ไป
2.12 น้ำปัสสาวะ น้ำที่ออกมาจากกระเพาะปัสสาวะ

3. ธาตุลม มี 6 ประการ คือ
3.1 ลมหายใจ
3.2 ลมที่เกิดจากการเรอ
3.3 ลมที่เกิดจากการผายลม
3.4 ลมในช่องท้อง
3.5 ลมในล้ำไส้และกระเพาะอาหาร
3.6 ความดันเลือด

4. ธาตุไฟ มี 4 ประการ คือ
4.1 ไฟที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น
4.2 ไฟที่ทำให้รู้สึกร้อน ซึ่งทำให้เราต้องหาวิธีคลายร้อน
4.3 ไฟที่ทำให้แก่ชรา ซึ่งทำให้ร่างกายเราเหี่ยวแห้ง ทำให้ร่างกายทรุดโทรม และทุพพลภาพ
4.4 ไฟสำหรับย่อยอาหาร ซึ่งทำให้อาหารที่เรารับประทานและกลืนลงไปนั้นแหลกละเอียดไป

เมื่อเวลาที่มีเด็กเกิดใหม่ คนโบร่ำโบราณก็มักจะอธิฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าขอให้ครบ 32 นั่นก็หมายถึงให้เกิดมามีธาตุดินครบ 20 + ธาตุน้ำครบ 12 นั่นเอง ส่วนธาตุลมกับธาตุไฟนั้นเป็นพลังงานที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งจะมีปรากฏขึ้นภายหลังจากที่มีร่างกายเกิดขึ้นแล้ว

ที่มา จากหนังสือเรื่อง กิน 4 ธาตุไม่เป็นทาส มะเร็ง

ธาตุเจ้าเรือน

ธาตุเจ้าเรือน

จากความเชื่อเรื่องธาตุ 4 ตั้งแต่สมัยพุทธกาลที่กล่าวไว้ว่า ร่างกายของมนุษย์เรานั้นประกอบด้วยธาตุ 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ

และแนวความเชื่อในอารยธรรมศาสตร์ตะวันออก และศาสตร์ตะวันตกที่กล่าวไว้ว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง 4

จึงเป็นที่มาของแนวคิดเรื่อง ธาตุเจ้าเรือน ทฤษฎีในทางการแพทย์แผนไทยที่ใช้อธิบายพฤติกรรม บุคลิก ความคิด จิตใจ และอาการป่วยไข้ของแต่ละคน โดยมีความเชื่อว่าร่างกายมนุษย์นั้นประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 โดยที่สัดส่วนของธาตุทั้ง 4 นี้ จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ธาตุที่เด่นมาตั้งแต่กำเนิดจะเรียกกว่า ธาตุเจ้าเรือน ซึ่งธาตุเจ้าเรือนนั้นจะส่งผลให้ลักษณะที่ปรากฏออกมาทางร่างกายของคนแต่ละคนแตกต่างกันไป ตามแต่ละลักษณะของธาตุนั้น ๆ

คนเราทุกคนจะมีส่วนผสมของธาตุทั้ง 4 ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของพ่อ แม่ อาหาร ภูมิอากาศ และประเทศที่อยู่อาศัย หาคนใดมีธาตุใดเด่น เราเรียกธาตุนั้นเป็น ธาตุเจ้าเรือนหลัก แต่บางคนก็มีธาตุเด่นมากกว่า 1 ธาตุ ที่เด่งรองลงมาเราจะเรียก ธาตุเจ้าเรือนรอง และสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดอีกอย่าง คือ จุดอ่อนของสุขภาพ ถ้าเรารู้ธาตุเจ้าเรือนของเราและรู้จุดอ่อนของสุขภาพตัวเองด้วย เราก็สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ถูกกับธาตุ และสามารถป้องกันการเกิดโรคของจุดอ่อนนั้นได้

ที่มา จากหนังสือเรื่อง กิน 4 ธาตุไม่เป็นทาส มะเร็ง

ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ

ธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ


ความหมายของธาตุ
สำหรับความหมายของ ธาตุ นั้น ได้มีท่านผู้รู้หลายท่านได้ให้คำอธิบายไว้ว่า

ธาตุ หมายถึง สิ่งที่ทรงสภาวะของตนอยู่เอง กล่าวคือ มีอยู่โดยธรรมดา เป็นไปตามเหตุและเป็นไปตามปัจจัย ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีอัตตา มิใช่สัตว์ และมิใช่ชีวะ

ธาตุ หมายถึง ผู้ทรงไว้ ผู้ตั้งอยู่ ผู้ดำรงอยู่

ธาตุ หมายถึง สิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จะแยกออกไปอีกไม่ได้ สิ่งที่เป็นต้นเดิม เป็นมูลเดิม

ธาตุ หมายถึง วัตถุ ซึ่งเป็นส่วนผสมดั้งเดิมของสิ่งต่าง ๆ

จากหลาย ๆ ท่านได้อธิบายไว้ ดังนั้น คำว่า ธาตุ จึงน่าจะหมายถึงองค์ประกอบแท้จริง หรือองค์ประกอบดั้งเดิมของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือสิ่งใด ๆ ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานชั้นต้นที่ละเอียดที่สุด ที่ไม่สามารถจะแยกย่อยให้ละเอียดไปกว่านี้ได้อีก และธาตุที่ว่าถือเป็นสารตั้งต้น หรือเป็นองค์ประกอบหลักของสรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ในโลกและนอกโลก หรือกล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 ธาตุ คือ
- ธาตุดิน
- ธาตุน้ำ
- ธาตุลม
- ธาตุไฟ

ในทางพระพุทธศาสนาจะเรียกชื่อธาตุทั้ง 4 นี้ในอีกชื่อหนึ่งว่า ภูมิรูป 4 หรือ มหาภูติ 4 และยังได้เรียกชื่อธาตุแต่ละธาตุแตกต่างกันออกไป

เรียกว่า ปฐวีธาตุ เป็นธาตุที่ตั้งของธาตุทั้งหลายเพราะว่าสิ่งทั้งหลายจะเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้นั้น จะต้องมีธาตุดินเป็นองค์ประกอบจึงจะเป็นรูปร่าง

เรียกว่า อาโปธาตุ เป็นธาตุที่ทำให้เกิดการเกาะกุมจับรวมตัวเข้าด้วยกัน ทำให้มีลักษณะเอิบอาบ และเคลื่อนที่หรือว่าสามารถไหลไปมาได้

เรียกว่า วาโยธาตุ เป็นธาตุที่ทำหน้าที่ค้ำจุนธาตุอื่นทำให้สิ่งต่าง ๆ เคร่งตึงหรือสั่นไหวได้

เรียกว่า เตโชธาตุ เป็นธาตุที่ทำให้ร้อนหรือเย็น และทำให้เกิดการย่อยได้

ด้วยลักษณะและคุณสมบัติของธาตทั้ง 4 ที่แตกต่างกันนี้ จึงทำให้สิ่งต่าง ๆ ในจักรวาลซึ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง 4 มีสภาพที่แตกต่างกันไป โดยปริมาณและสัดส่วนของธาตุแต่ละชนิดที่ไม่เท่ากัน จะเป็นตัวกำหนดให้แต่ละสิ่งมีลักษณะที่ปรากฏออกมาแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เพชรกับหินย่อมมีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเพชรกับหินมีสัดส่วน และปริมาณธาตุที่เป็นองค์ประกอบต่างกัน

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุไฟ (เตโชธาตุ)

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุไฟ (เตโชธาตุ)

ธาตุไฟ เป็นธาตุที่มีลักษณะร้อนและเย็น ลักษณะร้อนชื่อว่า อุณหเตโช ลักษณะเย็นชื่อว่า สีตเตโช ทั้ง 2 ชนิด จะมีสภาวะลักษณะเป็นไอ โดยอุณหเตโชจะมีลักษณะเป็นไอร้อน และสีตเตโชจะมีลักษณะเป็นไอเย็น ซึ่งเตโชธาตุทั้ง 2 ชนิด มีหน้าที่ทำให้วัตถุต่าง ๆ สุกและละเอียดนุ่มนวล ดังจะเห็นได้เมื่อวัตถุต่าง ๆ เช่นอาหารสามารถทำให้สุกด้วยความร้อน แต่ว่าอาหารบางอย่างก็สามารถที่จะทำให้สุกด้วยความเย็นได้เหมือนกัน

ธาตุไฟมีทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกร่างกาย โดยธาตุไฟภายในร่างกายคือธาตุที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น ทรุดโทรม กระวนกระวาย และธาตุที่เป็นเหตุให้ของที่บริโภคเข้าไปย่อยได้ด้วยดี และรวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ที่อบอุ่นถึงความเร่าร้อน

ส่วนธาตุไฟภายนอกคือ ความร้อน ความอุ่น ความอบอุ่นภายนอก ได้แก่ ไฟจากการเผาไหม้วัสดุต่าง ๆ ไฟจากฟ้าผ่า ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ความร้อนในกองวัสดุต่าง ๆ เช่น กองฟืน กองหญ้า กองข้าวเปลือก กองขี้เถ้า ฯลฯ

ธาตุไฟมี 5 ชนิดด้วยกัน คือ
อุสุมาเตโช คือ ธาตุไฟที่มีประจำอยู่ในร่างกายของสัตว์
สนุตปุปนเตโช คือ ธาตุไฟที่มีความร้อนมาก
ทหนเตโช คือ ธาตุไฟที่มีความร้อนสูงจัด สามารถที่จะเผาผลาญร่างกายให้วิปริตไปได้
ชิรณเตโช คือ ธาตุไฟที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมแก่ลง
ปาจกเตโช คือ ธาตุไฟที่ทำหน้าที่ย่อยอาหาร

ธาตุไฟทั้ง 5 ชนิดนี้ที่มีอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต คือ อุสุมาเตโชกับปาจกเตโช สำหรับสนุตปุปนเตโช ทหนเตโช และชิรณเตโช จะไม่อยู่ประจำในร่างกาย แต่ปรากฏขึ้นเนื่องจาก อุสุมาเตโช มีอาการวิปริตไป เช่น การที่เป็นไข้ตัวร้อน เกิดจากอุสุมาเตโชเปลี่ยนสภาพไปเป็นสนุตปุปนเตโช หรือถ้ามีไข้สูงตัวร้อนจัดจนเพ้อคลั่ง เป็นเพราะอุสุมาเตโชมีสภาพวิปริตมากขึ้น จากสนุตปุปนเตโชกลายเป็นทหนเตโช และสำหรับผู้ที่มีโรคภัยเบียดเบียนอยู่เสมอ หรือผู้ที่ล่วงเข้าปัจฉิมวัย อุสุมาเตโชจะเปลี่ยนสภาพเป็นชิรณเตโช ทำให้ปรากฏอาการทรุดโทรมของร่างกายเกิดขึ้น เช่น ผมหงอก ฟันหัก ตามัว เนื้อหนัวเหี่ยว เป็นต้น

สัญลักษณ์ของธาตุไฟเป็นรูปสามเหลี่ยมหงายสีแดง ซึ่งเป็นสีเพลิงทิศของธาตุไฟคือทิศใต้ ซึ่งตามตำรานั้นทิศใต้เป็นทิศของความร้อนซึ่งเกี่ยวโยงกับฤดูร้อนและเวลาเที่ยง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร้อนมากที่สุด รวมถึงสื่อถึงช่วงอายุวัยรุ่นซึ่งมีพลังงานและแรงขับเคลื่อนมากพอที่จะสร้างสรรค์หรือแม้แต่ทำลายสิ่งต่าง ๆ ได้

ธาตุไฟมีคุณสมบัติแห้ง(เหมือนธาตุดิน) และร้อน(เหมือนธาตุลม) ดังนั้นธาตุไฟจึงเป็นขั้นตรงข้ามกับธาตุน้ำ

ที่มา จากหนังสือเรื่อง กิน 4 ธาตุไม่เป็นทาส มะเร็ง

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุลม (วาโยธาตุ)

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุลม (วาโยธาตุ)

ธาตุลมมีทั้งที่อยู่ภายในร่างกายและภายนอกร่างกาย ซึ่งธาตุลมที่อยู่ภายในร่างกายคือ สิ่งที่มีลักษณะพัดผันไปในร่างกายเรา ซึ่งได้แก่ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในลำไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า และสิ่งอื่น ๆ ที่ได้พัดผันอยู่ภายในร่างกายของเรา

ธาตุลมภายนอกคือ ความพัดไปมา ความเคร่งตรึงของวัตถุ หรือสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ ลมในลักษณะต่าง ๆ เช่น ลมตะวันตก ลมตะวันออก ลมเหนือ ลมใต้ ลมมีฝุ่นละออง ลมไม่มีฝุ่นละออง ลมหนาว ลมร้อน ลมจากการกระพือปีก ฯลฯ

ธาตุลมที่มีลักษณะเคร่งตรึง เรียกว่า วิตถัมภนวาโย เป็นธาตุลมที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิด พร้อมกับตัวธาตุลมเองตั้งมั่นไม่ให้คลอนแคลนเคลื่อนไหวไปได้ในร่างกายของคนเรา ถ้าวิตถัมภนวาโย ปรากฏขึ้นจะทำให้ผู้นั้นรู้สึกตึง เมื่อย ปวดตามร่างกาย หรือขณะที่มีอาการเกร็งตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือเพ่งตาเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่กระพริบตา จะทำให้วิตถัมภนวาโยปรากฏขึ้น

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นภายนอกนั้น วัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคงหรือทำให้ตึงขึ้น ก็เป็นเพราะธาตุลมลักษณะนี้เช่นกัน เช่น ลูกบอลที่ลูกอัดลมเข้าไปภายใน การที่ลูกบอลตึงขึ้นก็เป็นเพราะว่าธาตุลมที่เป็นวิตถัมภนวาโยนั่นเอง

ธาตุลมที่มีลักษณะเคลื่อนไหว เรียกว่า สมีรณวาโย เป็นธาตุลมที่ทำให้รูปที่เกิดขึ้นเคลื่อนไหวได้ เช่น สัตว์ทั้งหลายที่เคลื่อนไหวอริยาบถต่าง ๆ ได้ หรือกระพริบตา กรอกตา กระดิกมือ กระดิกเท้า การถ่ายเทสิ่งโสโครกออกจากร่างกาย การคลอดบุตรต่าง ๆ ส่วนสมีรณวาโยที่อยู่ภายนอกจะทำให้วัตถุต่าง ๆ เคลื่อนที่จากเดิมไปได้

สัญลักษณ์ของธาตุลมเป็นรูปสามเหลี่ยมหงายสีเหลือง มีเส้นขีดทับตรงกลาง ซึ่งสีเหลืองนั้นหมายถึงสีของท้องฟ้าและแสงแดด

ทิศประจำธาตุลมคือทิศตะวันออก ถือเป็นทิศแห่งการเริ่มต้นเชื่อมโยงกับฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งสรรพสิ่งต่าง ๆ ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ต้นไม้เริ่มผลิดอกและใบ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายตื่นจากการหลับไหลในช่วงการจำศีลในช่วงฤดูหนาว ดังนั้นธาตุลมจึงเป็นตัวแทนของช่วงเวลาเช้าและช่วงของอายุวัยเด็กอีกด้วย

ธาตุลมมีลักษณะชื้น(เหมือนธาตุน้ำ) และร้อน(เหมือนธาตุไฟ) ลมจึงตรงข้ามกับธาตุดินโดยสิ้นเชิง พลังของลมถูกส่งผ่านเสียง กลิ่นหรือแม้แต่ขนนกสัตว์ตัวแทนแห่งสายลม

ที่มา จากหนังสือเรื่อง กิน 4 ธาตุไม่เป็นทาส มะเร็ง

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุน้ำ (อาโปธาตุ)

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุน้ำ (อาโปธาตุ)

ธาตุน้ำในที่นี้ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นน้ำตามแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำบาดาล หรือน้ำทะเล แต่ธาตุน้ำในที่นี้หมายถึงสิ่งที่มีลักษณะไหล หรือเกาะกุมรวมตัวได้ และมีคุณสมบัติทำให้วัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ เกาะกุมรวมตัวเข้าเป็นกลุ่มก้อน หรือไหลได้โดยที่ธาตุน้ำนี้ ถ้ามีอยู่เป็นจำนวนมากในวัตถุสิ่งใด ๆ ก็ตาม จะทำให้สิ่งของเหล่านั้นเหลวและไหลไปได้ แต่ถ้ามีจำนวนน้อยจะทำให้วัตถุสิ่งของต่าง ๆ เหล่านั้นเกาะกุมกันเป็นกลุ่มก้อน อุปมาเหมือนดั่งกับยางเหนียวที่สามารถเชื่อมต่อประสานวัตถุสิ่งของให้ติดกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนได้

หากว่าในวัตถุใดมีจำนวนธาตุน้ำมากกว่าธาตุดิน อำนาจของธาตุน้ำจะทำให้ธาตุดินมีอำนาจน้อยลง จึงเป็นเหตุให้วัตถุนั้นอ่อนเหลวและสามารถไหลไปมาได้ ดังเช่นน้ำ ที่น้ำไหลไปมาได้เพราะว่ามีธาตุน้ำมากกว่าธาตุดิน เมื่อธาตุดินน้อย จึงถูกอำนาจของธาตุน้ำทำให้ธาตุแข็งไหลไปมาได้

แต่หากว่าธาตุน้ำมีจำนวนน้อยกว่าธาตุดิน อำนาจของธาตุน้ำ จะทำให้มวลสารของธาตุดินเกาะกุมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เหมือนกับการประพรมน้ำลงไปบนผงแป้งหรือผลฝุ่นนั้น ก็เพื่อที่จะทำให้ผลแป้งหรือผงฝุ่นจับตัวกันเป็นก้อนได้

ธาตุน้ำนี้มีทั้งที่อยู่ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิต และที่อยู่ภายนอก ธาตุน้ำที่อยู่ภายในร่างกายคือส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายที่มีลักษณะเอิบอาบ ซึมซาบ ไหลได้ ได้แก่ เสลด น้ำเหลือง เลือด เหงื่อ ไขมัน น้ำตา น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ และสิ่งอื่น ๆ ที่มีลักษณะเอิบอาบ และซึมซาบนั่นเอง

ส่วนธาตุน้ำที่อยู่ภายนอกคือ สิ่งต่าง ๆ ภายนอกร่างกายที่มีลักษณะเอิบอาบ เหนียว เกาะกุม ซึ่งได้แก่ รสที่มีอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของพืช ผัก และผลไม้ต่าง ๆ นมสด เนยใส เนยข้น น้ำที่อยู่ในพื้นดิน น้ำที่อยู่ในอากาศ ฯลฯ

ลักษณะของน้ำเป็นสามเหลี่ยมคว่ำสีฟ้า ซึ่งเป็นสีของน้ำ น้ำเป็นธาตุประจำทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศแห่งการเพาะปลูกและการผลิต ซึ่งเชื่อมโยงกับฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรชาวยุโรปเก็บเกี่ยวผลิตผลต่าง ๆ  นอกจากนั้นทิศนี้ยังเป็นทิศแห่งเวลาบ่าย และช่วงอายุวัยเจริญพันธ์(โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์) ด้วย

น้ำมีคุณสมบัติชื้น(เหมือนธาตุลม) และเย็น(เหมือนธาตุดิน) ธาตุน้ำจึงตรงข้ามกับธาตุไฟ พลังแห่งน้ำนั้นจึงถูกส่งผ่านไปทางสายน้ำและส่งผ่านไปทางเปลือกหอย

ที่มา จากหนังสือเรื่อง กิน 4 ธาตุไม่เป็นทาส มะเร็ง

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุดิน (ปฐวีธาตุ)

คุณสมบัติและคุณลักษณะของธาตุดิน (ปฐวีธาตุ)

ธาตุดินในที่นี้ไม่ได้หมายถึงดินทั่ว ๆ ไปอย่างดินร่วน ดินเหนียว ดินทราย ตามท้องไร่ท้องนา หรือดินในบริเวณที่อยู่อาศัยอะไรอย่างนั้น แต่ธาตุดินในที่นี้หมายถึง ธาตุที่มีลักษณะแข็ง หรือทำให้สิ่งต่าง ๆ มีลักษณะแข็ง เมื่อวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใดมีธาตุดินเป็นองค์ประกอบหลัก คือมีความเข้มข้นหรืออัตราส่วนที่มากกว่าธาตุอื่น ๆ อีก 3 ธาตุ ก็จะทำให้วัตถุสิ่งของเหล่านั้นมีลักษณะแข็งเป็นลักษณะเด่น อาทิเช่น การที่เหล็กหินหรือไม้มีลักษณะแข็ง เป็นเพราะว่ามีธาตุดินในอัตราส่วนที่มากกว่าธาตุอื่น

ในขณะเดียวกัน ถ้าวัตถุสิ่งใด ๆ ก็ตามมีองค์ประกอบเป็นธาตุดินในปริมาณน้อย หรือมีอัตราส่วนน้อยกว่าธาตุอื่น ลักษณะแข็งที่ปรากฏในวัตถุสิ่งของนั้นก็ปรากฏไม่มาก ดังนั้นความอ่อนของวัตถุสิ่งของทั้งปวงจึงขึ้นอยู่กับปริมาณของธาตุดินที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งนั้น ๆ และธาตุดินนี้ทำให้สิ่งต่าง ๆ แข็งหรืออ่อนตัวได้ โดยที่ธาตุอื่นไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้

ธาตุดินมีทั้งอยู่ภายในและภายนอกร่างกาย โดยที่ธาตุดินภายในร่างกายก็คือ อวัยวะและสิ่งต่าง ๆ ในร่างกายเรา ที่มีลักษณะแข็ง หรือรวมตัวกันเป็นก้อนจนสามารถกำหนดได้ ซึ่งได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก อาหารใหม่ อาหารเก่า หรือสิ่งอื่น ๆ ที่มีลักษณะแข็ง ก็จะชื่อว่าเป็นธาตุดิน

ส่วนธาตุดินภายนอก คือ สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของแข็ง หรือมีลักษณะแข็งกระด้าง ได้แก่ วัตถุสิ่งของทั้งปวง เช่น บ้าน รถยนต์ เรือ สิ่งต่าง ๆ ตลอดจนสรรพสิ่งทั้งหลาย

ธาตุดินนี้ถือเป็นที่ตั้งที่อาศัยของธาตุอื่น และสรรพสิ่งทั้งหลาย ถ้าปราศจากธาตุดินแล้วสิ่งอื่นก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ เปรียบเสมือนสิ่งต่าง ๆ ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยแผ่นดินรองรับ หรือถ้าเปรียบธาตุดินเป็นแก้ว ส่วนธาตุอื่นเปรียบเสมือนน้ำ ซึ่งธรรมชาติของน้ำไม่สามารถคงรูปได้ แต่เมื่อเรานำน้ำมาใส่ในแก้วที่มีรูปทรงต่าง ๆ ทำให้น้ำสามารถคงรูปเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้ เพราะอาศัยแก้ว ทำนองเดียวกันที่เราเห็นเป็นสิ่งต่าง ๆ เพราะว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นอาศัยธาตุดิน จึงทำให้มีรูปร่างต่าง ๆ นานา

ลักษณะของธาตุดินเป็นสามเหลี่ยมคว่ำ มีขีดทับกลางสีเขียว ซึ่งเป็นสีของพืชที่ปกคลุมพื้นดิน(หรือสี่เหลี่ยมสีเหลืองแล้วแต่ตำรา) ทิศของธาตุดินคือทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศของฤดูหนาว เวลาค่ำ และวัยอาวุโส ดินมีคุณสมบัติแห้ง(เหมือนธาตุไฟ) และเย็น(เหมือนธาตุน้ำ) ธาตุดินจึงกลายเป็นธาตุขั้วตรงข้ามของธาตุลม พลังแห่งดินถูกส่งผ่านต้นไม้ ก้อนหิน และเหล่าสรรพสัตว์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับธาตุดินมาก

ที่มา จากหนังสือเรื่อง กิน 4 ธาตุไม่เป็นทาส มะเร็ง

19/9/58

การใช้งาน a tag เพื่อสร้างลิ้งในภาษา HTML

การใช้งาน a tag เพื่อสร้างลิ้งในภาษา HTML

บทความนี้เรามาดูวิธีการสร้างลิ้ง (Link) ในภาษา HTML โดยการสร้างลิ้งนั้นเราจะใช้แท็ก a ในการสร้าง เรามาดูตัวอย่างและวิธีการใช้งานแท็ก a กันครับ

มาดูตัวอย่างง่าย ๆ สำหรับการใช้งานแท็ก a กันครับ

<a href="http://www.doesystem.info/">Doesystem.info</a>

จากโค้ด HTML ข้างบนเราจะได้ว่า
- แท็ก a ใช้สำหรับการสร้างลิ้ง
- attribute ที่สำคัญที่สุดสำหรับแท็ก a ก็คือ href ซึ่งเอาไว้สำหรับกำหนด link เป้าหมาย

ในทุก ๆ บราวเซอร์ จะกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับแท็ก a ดังนี้
- link ที่ยังไม่มีการคลิกหรือการเข้าชม จะเป็นสีน้ำเงิน
- link ที่ได้มีการเข้าชมหรือเข้าไปดูแล้ว จะเป็นสีม่วง
- link ที่ได้มีการใช้งานอยู่(เอาเมาส์ชี้) จะมีขีดเส้นใต้ และสีแดง

ข้อควรรู้สำหรับการใช้งานแท็ก a
- ปกติ link ที่มีการเชื่อมโยงจะเปิดในหน้าบราวเซอร์ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ นอกจากจะมีการกำหนด target
- link สามารถใส่ Style ต่าง ๆ ได้โดยใช้ CSS

attribute ที่สำคัญที่ควรรู้สำหรับแท็ก a
- href
  ใช้สำหรับการกำหนด link เป้าหมาย
- target
  ใช้สำหรับกำหนดว่า link ที่เชื่อมโยงอยู่ต้องการเปิดที่ไหน value ที่ต้องการ _blank, _parent, _self,  _top, framename
- rel
  ใช้สำหรับกำหนดความสัมพันธ์ของลิ้งกับหน้าเอกสารปัจจุบัน value ที่ต้องการ alternateauthor, bookmark, help, license, next, nofollow, noreferrer, prefetch, prev, search, tag

***หมายเหตุ
ค่า value ของ attribute href นั้น สามารถกำหนดเป็น url หรือเป็น path ก็ได้

java util Calendar compareTo

java util Calendar compareTo

เรามาดูตัวอย่าง และวิธีการใช้ method ที่ชื่อว่า compareTo ใน Calendar กันครับ

compareTo ใน Calendar เป็น method สำหรับการเปรียบเทียบวันที่และเวลาใน Java

ตัวอย่างโค้ด

package info.doesystem.howto;

import java.util.Calendar;

public class DoesystemInfo {
 public static void main(String[] args) {
  Calendar cal1 = Calendar.getInstance();
  Calendar cal2 = Calendar.getInstance();
  
  cal1.set(Calendar.YEAR, 2015);
  cal2.set(Calendar.YEAR, 2016);
  
  // output -1 is cal1 < cal2
  // output 0 is cal1 = cal2
  // output 1 is cal1 > cal2
  System.out.println(cal1.compareTo(cal2)); // output -1
 }
}

จากโค้ดจะเห็นว่าผลที่ออกมาจากการเปรียบเทียบ
ถ้ามีค่าเป็น -1 แสดงว่า เวลาแรกน้อยกว่าเวลาที่สอง
ถ้ามีค่าเป็น 0 แสดงว่า เวลาแรกกับเวลาที่สองเท่ากัน
ถ้ามีค่าเป็น 1 แสดงว่า เวลาแรกมากกว่าเวลาที่สอง

สรุปเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.1 เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม(Integer)

สรุปเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.1 เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม(Integer)

สรุปเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องระบบจำนวนเต็ม วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ภาคเรียนที่ 1

จำนวนเต็ม

จำนวนเต็ม (Integer) ได้แก่ ..., -3, -2, -1, 0, 1, 2, 3, ...

ข้อสังเกตุ
1. จำนวนเต็มประกอบไปด้วย
  1.1 จำนวนเต็มบวก ได้แก่ 1, 2, 3, ...
  1.2 ศูนย์ ได้แก่ 0
  1.3 จำนวนเต็มลบ ได้แก่ -1, -2, -3, ...
2. จำนวนเต็มบวก ก็คือ จำนวนนับ นั่นเอง
3. 0 เป็นจำนวนเต็ม แต่ 0 ไม่ใช่จำนวนนับ เช่น เราไม่นิยมพูดว่า มีเงินอยู่ 0 บาท แต่เราจะพูดว่าไม่มีเงิน
4. 0 อาจแทนความไม่มี หรือไม่ได้แทนความไม่มีก็ได้ดังนี้
  4.1 แทนความไม่มี เช่น ไม่มีปากกา ไม่มีจาน เป็นต้น
  4.2 ไม่ได้แทนความไม่มี เช่น ถ้าเราพูดว่าอุณหภูมิของน้ำเป็น 0 องศาเซลเซียส เราไม่ได้หมายความว่าน้ำไม่มีอุณหภูมิ แต่หมายความว่าน้ำมีความเย็นระดับหนึ่ง ซึ่งถูกกำหนดว่าเป็น 0 องศาเซลเซียส

เส้นจำนวน

เส้นจำนวน(Number Line) หมายถึง ชื่อของเส้นตรงที่ถูกลากขึ้นมาเส้นหนึ่งที่มีจุดหนึ่งบนเส้นแทนศูนย์(0) และให้จุดทางซ้ายมือของศูนย์(0) ที่ห่างออกไปเป็นช่องยาวหนึ่งหน่วยเท่ากัน ๆ กัน เป็นตัวแทนของจำนวนเต็มลบ (-1, -2, -3, ...) ส่วนทางขวามือของศูนย์(0) ที่ห่างออกไปเป็นช่องยาวหนึ่งหน่วยเท่ากัน ๆ กัน เป็นตัวแทนของจำนวนเต็มบวก(1, 2, 3, ...)  ดังรูป


การเปรียบเทียบเส้นจำนวน

การเปรียบเทียบเส้นจำนวนสองจำนวนที่ไม่เท่ากัน เพื่อจะตัดสินว่า จำนวนใดน้อยกว่าหรือจำนวนใดมากกว่า สามารถพิจารณาโดยใช้เส้นจำนวน ดังนี้


จากเส้นจำนวน พบว่า จำนวนเต็มที่อยู่ทางขวาจะมากกว่าจำนวนเต็มที่อยู่ทางซ้ายเสมอ

เช่น

ลองเปรียบเทียบ 2 กับ 0 ดังนี้
พบว่า 2 มากกว่า 0 ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ 2 > 0
หรือ 0 น้อยกว่า 2 ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ 0 < 2

ลองเปรียบเทียบ 0 กับ -3 ดังนี้
พบว่า 0 มากกว่า -3 ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ 0 > -3
หรือ -3 น้อยกว่า 0 ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ -3 < 0

การบวกจำนวนเต็ม

ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็ม

1. ค่าสัมบูรณ์(Absolute Value) ของจำนวนเต็มใด ๆ หมายถึง ระยะที่จำนวนเต็มนั้นอยู่ห่างจาก 0 บนเส้นจำนวน
2. ถ้ามีจำนวนเต็ม a ใด ๆ เป็นจุดบนเส้นจำนวน แล้วให้เรียกระหว่าง 0 กับจำนวนเต็ม a นั้นว่า ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็ม a และค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็มนั้น ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ |a|

ข้อสังเกตุ
จะเห็นได้ว่าระยะห่างนั้นจะเป็นไปได้แค่ศูนย์กับบวกเท่านั้น เป็นลบไม่ได้ เช่น
1. ค่าสัมบูรณ์ของ 0 เท่ากับ 0 เนื่องจาก 0 อยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะ 0 หน่วย
2. ค่าสัมบูรณ์ของ 3 เท่ากับ 3 เนื่องจาก 3 อยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะ 3 หน่วย
3. ค่าสัมบูรณ์ของ -5 เท่ากับ 5 เนื่องจาก -5 อยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะ 5 หน่วย

การบวกจำนวนเต็ม

การบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก
- ให้นำเอาค่าสัมบูรณ์มาบวกกันแล้วตอบเป็นจำนวนเต็มบวก

การบวกจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
- ให้นำเอาค่าสัมบูรณ์มาบวกกันแล้วตอบเป็นจำนวนเต็มลบ

การบวกระหว่างจำนวนเต็มบวกกับจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์ไม่เท่ากัน
- ให้นำเอาค่าสัมบูรณ์ที่มากกว่าลบด้วยค่าสัมบูรณ์ที่น้อยกว่า แล้วตอบเป็นจำนวนเต็มบวกหรือจำนวนเต็มลบตามจำนวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า

การบวกระหว่างจำนวนเต็มบวกกับจำนวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน
- ผลบวกที่ได้จะมีค่าเท่ากับ 0 เสมอ

การบวกจำนวนเต็มใด ๆ ด้วยศูนย์หรือการบวกศูนย์ด้วยจำนวนเต็มใด ๆ
- ผลบวกจะเท่ากับจำนวนเต็มนั้นเสมอ

การลบจำนวนเต็ม

จำนวนตรงข้าม
- เมื่อพิจารณาเส้นจำนวน จะพบว่าจำนวนเต็มบวกกับจำนวนเต็มลบ ที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน จะอยู่คนละข้างของ 0 และอยู่ห่างจาก 0 เป็นระยะเท่ากัน
- สำหรับ 0 จะมี 0 เป็นจำนวนตรงข้ามของ 0
- ถ้า a เป็นจำนวนเต็มใด ๆ แล้ว จำนวนตรงข้าม ของ a ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ -a
- ถ้า a เป็นจำนวนเต็มใด ๆ แล้ว จำนวนตรงข้ามของ -a ถูกเขียนด้วยสัญลักษณ์ -(-a) = a
- ถ้า a เป็นจำนวนเต็มใด ๆ แล้ว a + (-a) = (-a) + a = 0

การลบจำนวนเต็ม
- ในการลบจำนวนเต็มนั้น เราจะอาศัยการบวกจำนวนเต็มเข้าช่วย ดังนี้
ตัวตั้ง - ตัวลบ = ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ

การคูณจำนวนเต็ม

การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก
- ผลลัพธ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนนั้น

การคูณจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ
- ผลลัพธ์เท่ากับจำนวนตรงข้ามของผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น

การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มบวก
- ผลลัพธ์เท่ากับจำนวนตรงข้ามของผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนั้น

การคูณจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ
- ผลลัพธ์เท่ากับผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของสองจำนวนนนั้น

การคูณจำนวนเต็มใด ๆ ด้วยหนึ่งหรือการคูณหนึ่งด้วยจำนวนเต็มใด ๆ
- ผลลัพธ์จะได้เท่ากับจำนวนเต็มนั้นเสมอ

การคูณจำนวนเต็มใด ๆ ด้วยศูนย์หรือารคูณศูนย์ด้วยจำนวนเต็มใด ๆ
- ผลลัพธ์จะได้เท่ากับศูนย์เสมอ

การหารจำนวนเต็ม

การหารจำนวนเต็ม เมื่อตัวตั้งและตัวหารเป็นจำนวนเต็มบวกทั้งคู่หรือจำนวนเต็มลบทั้งคู่
- จะได้คำตอบเท่ากับค่าสัมบูรณ์ของตัวตั้งหารด้วยค่าสัมบูรณ์ของตัวหาร

หารหารจำนวนเต็ม เมื่อตัวตั้งหรือตัวหารตัวใดตัวหนึ่งเป็นลบ โดยที่อีกตัวหนึ่งเป็นบวก
- จะได้คำตอบเท่ากับจำนวนตรงข้ามของค่าสัมบูรณ์ของตัวตั้งหารด้วยค่าสัมบูรณ์ของตัวหาร

จำนวนคู่และจำนวนคี่

จำนวนคู่ หมายถึง จำนวนเต็มที่หารด้วย 2 ลงตัว
จำนวนคี่ หมายถึง จำนวนเต็มที่หารด้วย 2 ไม่ลงตัว

สมบัติของจำนวนเต็ม

สมบัติการสลับที่การบวก
a + b = b + a

สมบัติการสลับที่การคูณ
a x b = b x a

สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มการบวก
(a + b) + c = a + (b + c)

สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มการคูณ
(a x b) x c = a x (b x c)

สมบัติการแจกแจง
a x (b + c) = (a x b) + (a x c)

18/9/58

วิธีการแก้ปัญหาโหลดไฟล์บิท(torrent)ไม่ได้ ค่า ratio น้อย

วิธีการแก้ปัญหาโหลดไฟล์บิท(torrent)ไม่ได้ ค่า ratio น้อย

เคยเป็นไหมดาวน์โหลดไฟล์ .torrent ไม่ได้ มีการแจ้งเตือนว่า ค่าอัพโหลดหรือค่า ratio ของท่านน้อยกว่ากำหนด กรุณาปล่อยไฟล์ที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้ว หรือแบ่งปันไฟล์

ค่า Ratio คือค่า อัพโหลดหารด้วยค่าดาวน์โหลด ดังนั้นใครที่มีการดาวน์โหลดเยอะ ๆ แต่ไม่อัพโหลดจึงทำให้ค่า Ration น้อย เมื่อน้อยกว่ากำหนดจึงดาวน์โหลดไฟล์ .torrent ไม่ได้

แต่ก็มีอีกกรณี คือ พึ่งสมัครเว็บเข้าไป ไม่มีค่าอัพโหลด ดาวน์โหลด ทำให้ไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์ .torrent ได้ ทำยังไงดีละ ในเว็บบอกว่าห้ามอัพโหลดไฟล์ซ้ำ ซวยแล้ว ในคอมไม่มีอะไรที่จะแบ่งปันหรืออัพโหลด จะนำไฟล์ซ้ำไปแบ่งปันก็ไม่น่าเวิร์ค

ดังนั้น คนส่วนมากจึงบริจาคเงินให้กับเว็บเพื่อให้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ แต่ว่าบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการเพิ่มค่าอัพโหลดแบบง่าย ๆ มาฝากครับ

วิธีการที่จะมาแนะนำในบทความนี้ก็คือ การดาวน์โหลดไฟล์ torrent ที่ให้ดาวน์โหลดฟรี แล้วนำมาปล่อยเพื่อเพิ่มค่าอัพโหลด วิธีการทำจะเป็นยังไง อ่านได้ตามด้านล่างเลย

อันดับแรก ให้เราหาไฟล์ .torrent ของเว็บที่เราต้องการ เป้าหมายไฟล์ torrent ที่ต้องการคือ
- ดาวน์โหลดฟรี
- มีคนปล่อยเยอะ ๆ(เพื่อเราจะได้ดาวน์โหลดง่าย ๆ)
- มีคนดูดเยอะ ๆ(เพื่อให้ค่าอัพโหลดเราขึ้นไว)

ส่วนวิธีการหาไฟล์นั้น ก็อยู่ที่เนคนิคใครเทคนิคมัน เช่น
- ให้เพื่อนที่มี id ดาวน์โหลดไฟล์ .torrent ให้
- ดาวน์โหลดตามเว็บแจกไฟล์ .torrent เห็นมีบางเว็บแจกไฟล์ .torrent อยู่ สาเหตุที่เอามาแจกอาจจะเพราะดาวน์โหลดฟรี ใครดาวน์โหลดไปคนแจกก็จะได้ค่าอัพโหลด ส่วนค่าดาวน์โหลดไม่เสียเพราะฟรี
- ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมาย

เมื่อได้ไฟล์ .torrent มาแล้ว ต่อไปให้เราคลิกขวา แล้วแก้ไขไฟล์ ในที่นี้แก้ไขโดยใช้โปรแกรม Notepad++ ตามรูปด้านล่าง


เมื่อเข้าไปแล้วจะเห็นตัวหนังสือมากมาย ส่วนมากจะอ่านไม่ออก แต่จะมีบางส่วนที่พอจะอ่านออกได้ ให้มองหาคำว่า passkey ตามรูปด้านล่าง


เมื่อหาเจอแล้ว ก็ให้เรานำ passkey ของเรามาใส่ เพียงแค่นี้ค่าอัพโหลดกับค่าดาวน์โหลดก็เป็นของเราแล้ว ค่าดาวน์โหลดนั้นเนื่องจากเราหาไฟล์ดาวน์โหลดฟรี ดังนั้นค่าดาวน์โหลดจึงไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อย ส่วนค่าอัพโหลด เราก็ปล่อยนาน ๆ ให้ถึงขั้นต่ำที่เว็บกำหนด เพียงเท่านี้เราก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ .torrent ได้แล้ว

หมายเหตุ
สำหรับวิธีการหาค่า passkey สำหรับ id ของเรานั้นให้ไปที่ อัพโหลด หรือส่งไฟล์เข้าเว็บ จะมีค่า passkey ของเราอยู่

16/9/58

ปิดการเติมคำอัตโนมัติของ Excel(Disable Auto Complete for Cell Value)

ปิดการเติมคำอัตโนมัติของ Excel (Disable Auto Complete for Cell Value)

บทความนี้เรามาดูวิธีการปิดการเติมคำอัตโนมัติของ Excel กันครับ ซึ่งในการทำงานนั้น เวลาเราพิมพ์ข้อความใด ลงบน Cell ของ Excel แล้ว เมื่อ Cell ต่อไป ถ้าเราพิมพ์ข้อความก่อนหน้าเหมือนข้อมูลที่เคยพิมพ์ไป มันจะมี Auto Complete ขึ้นมาให้


ประโยชน์ของมันคือ มันจะเดาว่าเราจะพิมพ์อะไรโดยดูข้อมูลก่อนหน้าที่เราพิมพ์เข้า เพื่อความสะดวก

แต่ว่า... มีบางคนอาจจะไม่ชอบหรือหลาย ๆ คน ที่บางทีพิมพ์ข้อมูลเข้าไป แล้วไม่ได้ดู มันกลายเป็นข้อมูลที่มั่วไปเลย ดังนั้นเรามาดูวิธีแก้กันครับ

อันดับแรกให้เราเข้าไปที่ File เลือก Options ตามรูปด้านล่าง


จากนั้น ให้ไปที่แถบของ Advance ให้มองหา Enable Auto Complete for cell value ตามรูปด้านล่าง


ถ้าติ๊กถูกจะเป็นการ Enable ถ้าไม่ติ๊กหรือเอาออกจะเป็นการ Disable เพียงแค่นี้เราก็สามารถปิดได้แล้ว


การค้นหาไฟล์(Search File)เฉพาะนามสกุล ใน Google

การค้นหาไฟล์(Search File)เฉพาะนามสกุล ใน Google

บทความนี้เรามาดูวิธีค้นหาไฟล์ใน Google Search กันครับ

มีหลายครั้งเราต้องการค้นหาเฉพาะไฟล์ที่ต้องการ เช่น .doc .pdf .zip ถ้าเราค้นหาตรง ๆ อาจจะทำให้มีหน้าเว็บที่ไม่มีไฟล์อยู่ด้วย ดังนั้น เรามาดูวิธีการค้นหาเฉพาะไฟล์กันครับ

ในการค้นหาเฉพาะไฟล์นั้น เราจะใช้คำว่า filetype: แล้วตามด้วยนามสกุลที่ต้องการ ดังรูปด้านล่าง


จากในรูปเราค้นหาเฉพาะไฟล์ที่มีนามสกุล PDF ดังนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาส่วนมากจะเป็นไฟล์ PDF

ถ้าต้องการค้นหาชื่อไฟล์ด้วย และชนิดของไฟล์ เราก็สามารถทำได้โดยใส่คำค้นหาไว้ข้างหน้า ดังรูปด้านล่าง


จากในรูปเราค้นหาคำว่า จาวา ซึ่งค้นหาเฉพาะไฟล์ PDF

ในการใช้ filetype: แล้วตามด้วย suffix จะกลายเป็น filetype:suffix นั้น Google จะจำกัดผลการค้นหาหน้าที่มีข้อความที่ลงท้ายด้วย suffix

นั่นแสดงว่า
สมมติ ถ้าเราใช้ filetype:pdf ก็ไม่ได้แปลว่าผลการค้นหาจะเป็นไฟล์ PDF เสมอไป ถ้ามีเว็บใดเว็บหนึ่ง ใช้ url ที่ลงท้ายด้วย pdf ผลการค้นหาก็ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะ Google จะมองว่าก็ลงท้ายด้วย pdf เหมือนกัน

วิธีการ Record และ Run Macro ใน Microsoft Word

วิธีการ Record และ Run Macro ใน Microsoft Word

บทความนี้เรามาดูวิธีการ Record และการ Run Macro ในโปรแกรม Microsot Word กันครับ

การ Record Macro ใน Microsoft Word

เริ่มด้วยไปที่แถบ View ตรงคำสั่ง Macros คลิกเข้าไปจะมีเมนูออกมา ให้เลือก Record Macro ตามรูปด้านล่าง


เมื่อกดแล้วจะปรากฎหน้าจอ Record ขึ้นมา ให้ตั้งชื่อพร้อมกับตั้งค่าอื่น ๆ ตามต้องการ

เมื่อเสร็จแล้วกด OK เสร็จแล้ว ลองพิมพ์ 1 2 3 4 5 เมื่อพิมพ์เสร็จ ก็ให้ไป Stop Record โดยไปที่ View เหมือนเดิมตรงคำสั่ง Macro จะมีคำสั่ง Stop Recording ขึ้นมาก็กดเพื่อหยุดการบันทึก


การ Run Macro ใน Microsoft Word

เมื่อบันทึกเสร็จแล้วต่อไปลองมา Run Macro กันดีกว่า ให้ไปที่แถบ View ตรงคำสั่ง Macro เหมือนเดิม แต่คราวนี้ให้เลือก View Macros หรือคลิกที่ปุ่ม Macro เลยก็ได้ เมื่อคลิกแล้วจะปรากฎหน้าต่าง Macros ขึ้นมา ตามรูปด้านล่าง


ให้เราเลือก Macro ที่เราได้บันทึกไว้ จากนั้นกด Run เพื่อ Run Macro เพียงแค่นี้เราก็สามารถบันทึกแล้วก็รัน Macro ได้แล้วครับ

การแปลงข้อความธรรมดาให้เป็นข้อความในตาราง(Convert Text to Table)

การแปลงข้อความธรรมดาให้เป็นข้อความในตาราง(Convert Text to Table)

สวัสดีครับ บทความนี้เรามาดูวิธีการแปลงข้อความธรรมดาให้กลายเป็นข้อความที่อยู่ตารางกันครับ ซึ่งก็มีบางเหตุการณ์ที่เราจำเป็นต้องทำให้ข้อความธรรมดา กลายเป็นข้อความที่อยู่ในตาราง การจะลบแล้วพิมพ์ใหม่ก็ทำให้เสียเวลาอย่างยิ่ง เรามาดูวิธีที่ง่าย ๆ กันครับ

เริ่มด้วยเปิดเอกสารขึ้นมา จากนั้นเลือกข้อความที่ต้องการแปลงเป็นตาราง ให้คลุมเลือกข้อความที่ต้องการแปลงเป็นตาราง จากนั้นไปที่แถบ Home ตรงคำสั่ง Table คลิกเข้าไปจะเห็นเมนูที่มีข้อความว่า Convert Text to Table ตามรูปด้านล่าง


เมื่อคลิกแล้วเราจะได้ Dialog ของการตั้งค่าการแปลงข้อความไปเป็นตาราง Convert Text to Table ตามรูปด้านล่าง


เมื่อตั้งค่าตามต้องการเสร็จแล้ว เราก็จะได้ตารางโดยมีข้อความอยู่ด้านในแล้ว

การใส่เลข(Number)ที่เรียงลำดับในตาราง(Table) โปรแกรม Word

การใส่เลข(Number)ที่เรียงลำดับในตาราง(Table) โปรแกรม Word

บทความนี้เรามาดูวิธีการใส่ตัวเลขที่เรียงลำดับในตารางกันครับ ในโปรแกรม Microsoft Word ซึ่งถือว่าได้ใช้บ่อยเหมือนกันสำหรับการใส่ตัวเลขในตาราง ตัวอย่างเช่น ต้องทำตารางรายการสินค้า แล้วต้องใส่ตัวเลขแต่ละรายการ เรามาดูวิธีการทำกันครับ

เริ่มจากต้องมีตารางในโปรแกรม Microsoft Word ก่อน จากนั้นเลือกคอลัมน์ที่ต้องการใส่ตัวเลขลงไป ตามรูปด้านล่าง


เมื่อเลือกได้แล้ว จากนั้นก็ไปที่แถบ Home แล้วก็เลือก Numbering ตามรูปด้านล่าง


เพียงแค่นี้เราก็ได้ตัวเลขที่เรียงกันในตารางแล้วดังรูปด้านล่าง


สำหรับรูปแบบตัวเลขในตารางนั้นสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ลองปรับแต่งเล่นกันดูครับ

วิธีการเปิดไฟล์ Word ที่ใช้ล่าสุดอัตโนมัติ(Last Used)

วิธีการเปิดไฟล์ Word ที่ใช้ล่าสุดอัตโนมัติ(Last Used)

บทความนี้เรามาดูวิธีการเปิดไฟล์ Microsoft Word ที่ใช้งานล่าสุดกันครับ มีประโยชน์ก็ตรงที่เวลาเปิดใช้งานเอกสารเดิมซ้ำ ๆ กัน หรือเปลี่ยนเอกสารแต่ต้องดูว่าเอกสารที่เราเปิดล่าสุดคือไฟล์ไหน เพื่อดูการทำงาน วิธีนี้อาจจะช่วยได้

วิธีการก็คือ ให้คลิกขวาที่ Start แล้วเลือก Run ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นให้พิมพ์คำว่า winword.exe /mFile1 ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นกด OK โปรแกรม Microsoft Word ก็จะเปิดไฟล์ล่าสุดที่เราใช้มาให้แล้ว

แต่วิธีพิมพ์บ่อย ๆ อาจจะดูยุ่งยาก และไม่สะดวกนั้น ดังนั้นจึงมีอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำคือการสร้าง Shortcut

การสร้าง Shortcut สำหรับเปิดไฟล์ Word ที่ใช้งานล่าสุด

ในการสร้าง Shortcut นั้นจะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากให้คลิกขวา แล้ว New แล้วเลือก Shortcut ตามรูปด้านล่าง


เมื่อได้แล้ว จะปรากฎหน้าต่าง Create ShortCut ให้เลือก item สำหรับสร้าง Shortcut โดยคลิกที่ปุ่ม Browse... ให้เราเลือกไฟล์ winword.exe ซึ่งในที่นี้ของผมอยู่ที่ "C:\Program Files (x86)\Microsoft Office\Office14\WINWORD.EXE" แล้วก็ตามด้วยคำว่า /mFile1 เพื่อให้เปิดไฟล์ล่าสุดที่ใช้งาน ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นก็คลิก Next เพื่อตั้งชื่อ แล้วกด Finish เพียงแค่นี้เราก็ได้ Shortcut ที่ไว้เปิดไฟล์ Microsoft Word ที่ใช้งานล่าสุดแล้ว

ยกเลิกการการสะกดคำ(spelling) และไวยากรณ์(grammar) ใน Word

ยกเลิกการการสะกดคำ(spelling) และไวยากรณ์(grammar) ใน Word

บทความนี้เรามาดูวิธีการยกเลิกการสะกดคำ และไวยากรณ์ ในโปรแกรม Microsoft Word กันครับ

สำหรับใครที่ใช้โปรแกรม Microsoft Word บ่อย ๆ อาจจะเคยเห็น เส้นสีแดง ๆ กับเส้นสีเขียว ๆ ในโปรแกรม Microsoft Word ดังตัวอย่างรูปด้านล่าง


บางคนอาจจะไม่ชอบให้มีเส้นใต้ เรามาดูวิธีการเอาออกกันครับ

เริ่มด้วยเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วไปที่ File เลือก Options ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นจะปรากฎหน้าต่าง Word Options ขึ้นมา ในแถบด้านซ้ายให้ไปที่ Proofing เมื่อคลิกแล้วให้มองลงมาด้านล่างสุดจะเห็นคำว่า

- Hide spelling errors in this document only
- Hide grammar errors in this document only

ตามรูปด้านล่าง


เมื่อได้แล้วก็กด OK จากรูป
- Hide spelling errors in this document only จะเป็นการซ่อนเส้นใต้สีแดงนั่นก็คือการสะกดคำ
- Hide grammar errors in this document only จะเป็นการซ่อนเส้นใต้สีเขียวนั่นก็คือไวยากรณ์

เราสามารถเลือกซ่อนอันใดอันหนึ่งหรือทั้งสองอันก็ได้ เพียงแค่นี้เราก็ได้ทำการยกเลิกการสะกดคำกับไวยากรณ์ในโปรแกรม Microsoft Word แล้ว

14/9/58

Doupo Cangqiong เสี่ยวเหยี่ยน

Doupo Cangqiong เสี่ยวเหยี่ยน

มาดูตัวละครในการ์ตูนเรื่อง Doupo Cangqiong ที่มีชื่อว่า เสี่ยวเหยี่ยน กันครับ


เสี่ยวเหยี่ยน ลูกชายอัจฉริยะของประมุขเสี่ยวมีพลังระดับสูงตั้งแต่อายุ 11 ปี เนื่องจากเหตุการณ์พิเศษทำให้เขาสูญเสียพลังจนถูกเรียกว่า ไอ้ขยะ

การ Split ใน Microsoft Word เพื่อเปิดเอกสารเป็นสองส่วน

การ Split ใน Microsoft Word เพื่อเปิดเอกสารเป็นสองส่วน

บทความนี้เรามาดูวิธีการ Split ใน Microsoft Word เพื่อทำการเปิดเอกสารเดียวกันเป็นสองส่วน การแบ่งนี้จะทำให้สามารถดูเอกสารในหน้าที่ต่างกันได้ เพื่อความสะดวก เรามาดูวิธีกันครับ

เริ่มจากเปิดเอกกสาร Microsoft Word จากนั้นให้มองด้านบนขวา ข้างบน scrollbar จะเห็นเป็นเครื่องหมาย ( - ) ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นให้เราคลิกตรงเครื่องหมาย แล้วลากเลื่อนลงมา เพียงแค่นี้เราก็จะได้หน้าเอกสารที่แบ่งเป็นสองส่วนแล้ว ตามรูปด้านล่าง


*** หมายเหตุ
ในการแบ่งหน้าจอแบบนี้ เอกสารด้านบนกับเอกสารด้านล่างจะเป็นเอกสารเดียวกัน ถ้าเราแก้ไขเอกสารด้านบน เอกสารด้านล่างจะเปลี่ยนตาม ในทำนองเดียวกันถ้าเราเปลี่ยนเอกสารด้านล่างเอกสารด้านบนก็เปลี่ยนแปลงตามเช่นกัน

การยกเลิกการ Split เอกสารใน Microsoft Word

ในการยกเลิกการแสดงผลการ Split นั้น เพียงแค่ลากเส้นที่เราเลื่อนลงมาขึ้นไปข้างบนสุด เพียงแค่นี้หน้าจอที่เราได้แบ่งก็หายไปแล้ว

เปลี่ยน Port Tomcat ใน Eclipse(Change Port Tomcat in Eclipse)

เปลี่ยน Port Tomcat ใน Eclipse(Change Port Tomcat in Eclipse)

สวัสดีครับ บทความนี้เรามาดูวิธีการเปลี่ยน Port Tomcat ใน Eclipse กันครับ ซึ่งการเปลี่ยน Port นั้นก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาเวลาเกิดปัญหา Port ชนกัน

ส่วนวิธีการนั้นให้ไปที่ View ของ Server จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ Tomcat ที่ต้องการ จะปรากฎหน้าของ Overview ขึ้นมา ดูในส่วนของ Ports เราสามารถเปลี่ยน Port ได้ตามต้องการ ดังรูปด้านล่าง


เพียงแค่นี้เราก็สามารถรัน Tomcat จาก Port ที่ต้องการได้แล้ว

13/9/58

ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation:SD) คือ

ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation:SD) คือ

บทความนี้เรามาดูจักและหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานกันครับ ซึ่งเป็นค่าที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีในบทเรียนสำหรับนักเรียนด้วย

ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน คือ

- ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สามารถเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ คือ standard deviation คำย่อคือ SD
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สามารถเรียกได้หลาย ๆ แบบ เช่น ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือ ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เป็นค่าที่บ่งบอกถึงการกระจายของข้อมูล

วิธีการหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

การหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานนั้น สามารถหาได้จากสูตร


แต่ข้อมูลที่มีการแจกแจงความถี่แล้ว เราจะหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานได้จากสูตร


วิธีการแปลงไฟล์จาก Excel ไปเป็น PDF

วิธีการแปลงไฟล์จาก Excel ไปเป็น PDF

บทความนี้เรามาดูวิธีการแปลงไฟล์จาก Microsoft Excel ไปเป็น PDF กันครับ ซึ่งไฟล์สองไฟล์นี้เป็นคนละนามสกุล หรือชนิดคนละอย่างกัน แต่สามารถแปลงไปแปลงกลับได้ แต่ในบทความนี้เราจะพูดเฉพาะการแปลงจาก Excel ไปเป็น PDF เท่านั้นครับ

วิธีแปลงไฟล์จาก Excel ไปเป็น PDF แบบ Save As

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายมากโดยเริ่มจาก เปิดไฟล์ Excel ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ไปที่ File เลือก Save As จะปรากฎ Dialog ขึ้นมา ให้เราใส่ชื่อเข้าไป จากนั้นในช่อง Save As Type ให้เราเลือกเป็น PDF ตามรูปด้านล่าง


เพียงแค่นี้เราก็จะได้ไฟล์ PDF ที่แปลงมาจาก Excel แล้ว

วิธีแปลงไฟล์จาก Excel ไปเป็น PDF แบบใช้ส่วนเสริม

เวลาเราลงโปรแกรม Adobe Acrobat จะมีส่วนเสริมที่มีใน Microsoft Office มาให้ด้วย อยู่ที่ว่าเราจะติดตั้งหรือเปล่า ถ้าเราติดตั้งจะมีแถบที่มีชื่อว่า Acrobat มาให้ด้วย ให้เราลือกที่แถบ Acrobat จากนั้น คลิกที่ Create PDF

เมื่อคลิกแล้วจะปรากฎ Dialog ขึ้นมาให้เราเลือกส่วนที่ต้องการจะแปลงเป็น PDF เช่น แปลงทั้งหมด เฉพาะที่เลือก หรือเลือกเฉพาะ sheet ก็ได้ จากนั้นกด Convert to PDF ตามรูปด้านล่าง


เพียงแค่นี้เราก็จะได้ไฟล์ PDF ที่แปลงมาจาก Microsoft Excel แล้ว ส่วนวิธีการแปลงใครถนัดวิธีไหนก็แล้วแต่จะเลือกใช้ได้เลย


12/9/58

การหาค่าเฉลี่ย Excel

การหาค่าเฉลี่ย Excel

บทความนี้เรามาดูวิธีการหาค่าเฉลี่ยในโปรแกรม Microsoft Excel กันครับ ซึ่งเป็นอะไรที่ใช้บ่อย ๆ เพราะโปรแกรม ออกแบบมาเพื่อให้ช่วยเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องคำนวณเอง ให้โปรแกรมคำนวณให้ ส่วนวิธีการหาค่าเฉลี่ยนั้นก็ด้านล่าง

ก่อนอื่นก็ต้องมีข้อมูลที่เราต้องการก่อน จากนั้นให้เอาเมาส์คลิกที่ตำแหน่งต้องการที่จะให้แสดงผลค่าเฉลี่ย ต่อไปก็พิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ(=) เพื่อเป็นการบอกโปรแกรม Excel ว่าจะเป็นการใช้สูตร

ต่อไปให้พิมพ์สูตรค่าเฉลี่ย ซึ่งก็คือคำว่า average ตามรูปด้านล่าง


เมื่อพิมพ์แล้วให้กด Tab จากนั้นให้เราเลือกข้อมูลที่ต้องการจะหาค่าเฉลี่ย ตามรูปด้านล่าง


จากรูปเราจะหาค่าเฉลี่ยจาก B2 ถึง B19 ถ้าสังเกตจะเป็นการเรียกใช้สูตร =AVERAGE(B2:B19) ซึ่งเป็นการหาค่าเฉลี่ยจากใช้สูตร AVERAGE ตั้งแต่ช่อง B2 ถึง B19

เมื่อได้แล้วเราก็จะได้ค่าเฉลี่ยแล้ว ตามรูปด้านล่าง


ค่าเฉลี่ยจากโปรแกรม Microsoft Excel ที่ได้ ถ้าเราเปลี่ยนข้อมูลในช่องใดช่องหนึ่งผลเฉลี่ยก็จะเปลี่ยนตามอัตโนมัติ


เครื่องหมายถูก ใน Excel

เครื่องหมายถูก ใน Excel

บทความนี้เรามาดูวิธีการแทรกเครื่องหมายถูกใน Excel กันครับ ซึ่งในการใช้เครื่องมือ Microsoft Excel นั้น จะเป็นการทำเกี่ยวกับเอกสาร ดังนั้นการแทรกเครื่องหมายถูกผิด หรือเครื่องหมายอื่น ๆ มักจะมีใช้บ่อย ๆ เรามาดูวิธีกันครับ

เริ่มจากให้ไปที่แถบ Insert เลือกสัญลักษณ์(Symbol) ตามรูปด้านล่าง


เมื่อคลิกแล้วจะปรากฎ Dialog Symbol ขึ้นมา ให้เราเลือกเป็น Wingdings จากนั้นก็เลื่อนหาเครื่องหมายถูก ดังรูปด้านล่าง


จากนั้นก็คลิกที่ Insert เพียงแค่นี้เราก็ได้เครื่องหมายที่เราต้องการแล้ว

เราสามารถเลือก Symbol อื่น ๆ ได้ตามต้องการ

การสร้างตาราง(Table) ใน Excel

การสร้างตาราง(Table) ใน Excel

บทความนี้เรามาดูวิธีการสร้างตาราง(Table) ในโปรแกรม Microsoft Excel กันครับ

เริ่มด้วยคลุมพื้นที่ส่วนที่ต้องการสร้างตาราง จากนั้นไปที่แถบ Insert เลือก Table หรือจะกด Ctrl + T ก็ได้ จะได้ตามรูปด้านล่าง


จะมีหน้าต่าง Create Table ขึ้นมา ในช่อง Where is the data for your Table? จะเป็นข้อมูลที่บอกว่าให้สร้างตั้งแต่ไหนถึงไหน ซึ่งค่าที่ออกมาจะเป็นค่า Default ที่เราได้คลุมพื้นที่ไว้ สามารถเปลี่ยนค่าได้ ส่วน My table has headers นั้นจะเป็นการบอกว่าตารางของเราต้องการ headers ตามรูปด้านล่าง


จากนั้นกด Ok เราก็จะได้ตารางตามต้องการดังรูปด้านล่าง


จากตารางเราสารถปรับแต่งได้โดยไปที่แถบ Design

การสร้างตารางโดยการใส่เส้นขอบ(Border)

ในโปรแกรม Excel เราจะเห็นว่าจะมีการแบ่งเป็น Cell หลาย ๆ Cell ดังนั้นเราสามารถใส่เส้นของได้ เพื่อทำให้ดูเหมือนกับว่าเป็นตาราง

วิธีการนั้นก็ให้ทำการคลุมพื้นที่ที่ต้องการไว้ก่อน จากนั้นไปที่แถบ Home แล้วก็เลือกใส่เส้นขอบ ในที่นี้จะใส่เป็น All Borders ตามรูปด้านล่าง


เมื่อได้แล้วเราก็จะได้ Cell ที่มีขอบดูเหมือนตารางเลย ตามรูปด้านล่าง


เพียงแค่นี้เราก็ได้ตารางในโปรแกรม Microsoft Excel ตามต้องการ